(เพิ่มเติม1) สภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกปีนี้เหลือโตต่ำกว่า 5% หลังมองศก.โลกส่งสัญญาณชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 2, 2019 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้ เหลือโตต่ำกว่า 5% โดยมองว่าความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออก คือ 1. บรรยากาศการค้าโลก ทั้งกรณีการเจรจาข้อตกลงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ยังไม่มีความชัดเจน, ตลาดส่งออกสำคัญของไทยเจอกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ตลาดญี่ปุ่นและยุโรปยังติดลบ จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว 2. มาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ จากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ประมาณการส่งออกปี 62 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่ำกว่า 5% อยู่บนสมมติฐาน ค่าเงินบาทที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+/- 50 สต.)

"ยอมรับหมดหวังที่จะได้เห็นยอดส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดย สรท.หวังว่ารัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ฟื้นตัว"น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออก กล่าว

ทั้งนี้ การส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีมูลค่า 21,553.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 5.9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) การส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 678,509.1 ล้านบาท ขยายตัว 5.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY)

ในขณะที่ การนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 มีมูลค่า 17,519.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -10.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) และการนำเข้าในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 558,778.0 ล้านบาท หดตัว -10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 4,034.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 119,731.1 ล้านบาท

ในเดือนกุมภาพันธ์ การส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวที่ -0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) โดย สิ่งค้าที่ยังขยายตัวอยู่คือกลุ่มผัก ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป ไก่สด แช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป และเครื่องดื่ม แต่สินค้ากลุ่มที่หดตัวคือ ข้าวและยางพารา ขณะที่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) โดย กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัว ได้แก่ ทองคำ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว รวมถึงเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ในสิ่งค้ากลุ่มที่หดตัวคือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากการส่งออกอาวุธจำนวนมากที่เป็นเพียงผลในระยะสั้นเท่านั้น

น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า หากดูตัวเลขส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ที่กระทรวงพาณิชย์แถลงไว้ว่าขยายตัว 5.9% แต่เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วเป็นเรื่องส่งกลับอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐที่มาร่วมฝึกคอบบร้าโกลด์ เมื่อหักส่วนนี้ออกไปแล้วการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์จะหดตัวติดลบมากถึง 4.9%

สภาผู้ส่งออก ยังมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ โดยขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมือง และสนับสนุนภาคการค้าระหว่างประเทศ เช่น ขอให้สนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรี FTA ให้ได้มากที่สุด เช่น FTA ไทย-อียู (อังกฤษ) ไทย-ปากีสถาน RCEP และ CPTPP เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมองว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการทั้งภาคการผลิต และภาคบริการ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาปรับขึ้นค่าแรงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรพิจารณาถึงขีดความสามารถของอุตสาหกรรม และกลุ่มแรงงานที่มีทักษะที่แท้จริง

นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งออก คาดว่า ภาวะการส่งออกในเดือนมีนาคม ถ้าหักเรื่องการส่งอาวุธสงครามออกไปแล้วจะขยายตัวติดลบ 4-5% ส่งผลให้การส่งออกในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ -1 ถึง 0%

"หากจะให้การส่งออกปีนี้โต 3% การส่งออกช่วง 9 เดือนที่เหลือ (เม.ย.-ธ.ค.) จะต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าจะให้โต 5% จะต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 22,800 ล้านดอลลาร์" นายชัยชาญ กล่าว

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สภาผู้ส่งออก กล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มคลี่คลาย หลังขยายเวลาในการเจรจาออกไป ซึ่งส่งผลดีต่อการค้าในระดับหนึ่ง ส่วนปัญหาเงินบาทที่ขยับแข็งค่าในช่วงต้นปีเริ่มปรับตัวอ่อนค่าในขณะนี้ ดังนั้นสิ่งที่อยากเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ ได้แก่ การจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมือง สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ และชะลอนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ