นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า ขณะนี้มีผู้เสนอขายครบทั้ง 1.6 แสนตันและทำสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว ล่าสุด กฟผ.ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกงแล้ว 60,000 ตัน ยังคงเหลืออีก 1 แสนตัน ซึ่งจะต้องส่งมอบให้แล้วเสร็จตามสัญญาภายในเดือนเม.ย.-ก.ค.62 แต่ได้ขอความร่วมมือให้ส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ ณ คลังรับฝากที่ กฟผ. จัดหาในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีและฉะเชิงเทรา เพื่อดึงผลผลิตออกจากระบบโดยเร็ว และไม่ให้หมุนเวียนในตลาด
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หากเร่งรัดให้ส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบที่เหลือจำนวน 1 แสนตัน ภายในกำหนดวันที่ 20 เม.ย.นี้ได้ จะทำให้สต็อกน้ำมันปาล์มดิบของไทยที่ปัจจุบันมีเกินปริมาณสำรองถึง 3.6 แสนตันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ คือ ไม่เกิน 2-2.5 แสนตัน
ประกอบกับการขอความร่วมมือกระทรวงพลังงานให้เพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 และเพิ่มการใช้ B20 และ B100 ให้มากขึ้น จะทำให้ราคาผลปาล์มสดที่เกษตรกรจะขายได้สูงขึ้น จากขณะนี้ได้ปรับขึ้นมาเล็กน้อยมาอยู่ที่กก.ละ 2.40-2.60 บาท
"จำเป็นต้องดึงน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบโดยเร็ว เพื่อให้โรงงานสกัดไปเร่งรัดรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรตามราคาเป้าหมายไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท เพื่อดันให้ราคาผลปาล์มสูงขึ้น และนำผลปาล์มมาบีบน้ำมัน และทำเป็นน้ำมันปาล์มดิบส่งมอบให้ กฟผ.จึงต้องเร่งรัดให้ส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ.ภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ โดย กฟผ.จะเร่งรัดจ่ายเงินให้โรงสกัดเร็วขึ้น และปรับเงื่อนไขการรับมอบ ไม่ต้องส่งมอบที่โรงไฟฟ้าบางปะกง แต่ส่งมอบที่คลังซึ่ง กฟผ.เช่าใน จ.สุราษฎร์ธานี และฉะเชิงเทรา" นายวิชัย กล่าว