นายชูวงศ์ ตั้งคุณสมบัติ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการสำรวจในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ยังมีประเทศในกลุ่มตลาดใหม่ที่น่าสนใจ เช่น แอฟริกาตะวันออก เอเชียกลาง เอเชียใต้ ที่เพิ่งเปิดประเทศ รอรับการลงทุนจากต่างประเทศ มีกฎหมายและหน่วยงานให้การส่งเสริมการลงทุน ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมของไทย มีจุดเด่นอยู่หลายด้าน ทั้งด้านการผลิต เทคโนโลยี และบุคลากร เช่น เกษตรแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน พลังงาน ดิจิทัล บริการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ในประเทศตลาดใหม่เป็นที่ต้องการอย่างมาก นักลงทุนไทยควรใช้โอกาสนี้บุกตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองและอุตสาหกรรมของประเทศในภาพรวม
นายชูวงศ์ กล่าวอีกว่าภาครัฐได้มอบหมายให้บีโอไอ ดำเนินกิจกรรมที่จะผลักดันศักยภาพของเราที่มีอยู่ นำมาเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน ต้องทำกิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ สร้างความเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจ ให้นักลงทุนมีความกล้าที่จะออกไปสำรวจและแสวงหาโอกาส โดยศูนย์พัฒนาการลงทุนไทยในต่างประเทศ หรือ Thai Overseas Investment Support Center: TOISC ได้จัดอบรมหลักสูตร "สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ" ซึ่งทำมาแล้ว 15 รุ่น อบรมไปกว่า 500 คน ปีนี้เปิดรับอีก 2 รุ่น จำนวน 50 คน หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการคนไทยที่สนใจไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้จะคัดเลือกด้วยการสัมภาษณ์เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ โดยการอบรมจะประกอบด้วยการบรรยายและการศึกษาดูงานในสนามจริง ประเทศเป้าหมายในการลงทุนสำหรับปีนี้ ได้แก่ ซูดาน และอุซเบกิสถาน นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมดูงานในประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ เมียนมา ลาว และเวียดนามอีกด้วย
"ที่ผ่านมาความเสี่ยงของนักลงทุนคือขาดข้อมูล และการติดต่อประสานงาน เนื่องจากบริษัทรายเล็ก แม้จะมีเทคโนโลยี แผนการตลาด ฐานะการเงินที่ดี ก็ยังไม่อยากเสี่ยงในการทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะการเสี่ยงออกไปหาตลาดโดยลำพัง บางรายประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในช่วงแรกเริ่ม ดังนั้นรัฐจึงต้องให้การสนับสนุนในหลายมิติ เช่น มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นนั้นๆ มีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยได้พบปะกับหน่วยงานราชการที่สำคัญ รวมไปถึงการคัดกรองนักลงทุนในท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาสได้พบกับนักลงทุนไทย เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกันอย่างมืออาชีพ" นายชูวงศ์กล่าว