นายสมภพ มานะรังสรรค์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุบรรดานักวิชาการต่างแสดงความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในปี 51 อย่างมากหากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% เนื่องจากทำให้ค่าเงินของตลาดโลกมีความผันผวน เพราะค่าเงินของสหรัฐจะอ่อนตัวลงและส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นงานหนักของรัฐบาลชุดใหม่และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ต้องหามาตรการรองรับโดยด่วน โดยเฉพาะ ธปท.ที่ต้องเจอปัญหา 2 ทาง คือ ภาระขาดทุนจากการแทรกแซงค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ รวมถึงภาระดอกเบี้ยที่จะออกพันธบัตรเพิ่มเติมในการดูดซับสภาพคล่องเพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าและเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นในอนาคต
นายสมภพ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในสหรัฐในปี 51 จะมีผลกระทบต่อโลกรุนแรงกว่าเมื่อปี 43-44 เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจจีนช่วยพยุงให้เศรษฐโลกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันจีนมีข้อจำกัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ได้เป็นอย่างดีว่ามีวิธีบริหารจัดการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะ รมว.คลัง และทีมงานเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าทั่วโลกขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐมากหากจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% เท่ากับว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ เฟดลดดอกเบี้ยถึง 1.25% ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นผลที่ตามมาคือการเก็งกำไรค่าเงิน, ทองคำ และน้ำมัน เนื่องจากต่างชาติไม่ต้องการถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯไว้
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--