ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.0% และลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
โดยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน
การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเป็นการปรับลดครั้งที่ 4 นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ปี 2550 และเกิดขึ้นเพียง 8 วันหลังจากเฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% เมื่อวันอังคารที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
การประชุมครั้งล่าสุดนี้มีนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยคณะกรรมการเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9-1 ซึ่ง 1 เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยคือนาย ริชาร์ด ฟิเชอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขาดัลลัส
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ตลาดการเงินยังคงมีความตึงเครียด และการปล่อยวงเงินสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยซบเซาลงอย่างมาก และตลาดแรงงานก็ชะลอตัวลง"
"เฟดเชื่อว่าการดำเนินนโยบายในวันนี้ ประกอบกับการดำเนินนโยบายก่อนหน้านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตปานกลาง และจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญช่วงขาลงยังคงมีอยู่ ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลางในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้"
"เฟดคาดหวังว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้" แถลงการณ์ของเฟดระบุ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 4 ของปี 2550 ขยายตัวขึ้นเพียง 0.6% ต่อปี ลดลงอย่างหนักจากระดับ 4.9% ในช่วงไตรมาส 3 สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--