นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้นำคณะผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จังหวัดชายแดนไทยเดินทางเยือนเมียนมา เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และสำรวจตลาดการค้าทั้งค้าปลีกและค้าส่งที่สำคัญของเมียนมา รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรม ณ เมืองพะโค ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันและสร้างโอกาสการค้าการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย หรือ Start up ไทยให้สามารถขยายช่องทางการตลาดในเมียนมาได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"กิจกรรมในครั้งนี้ นักธุรกิจที่เข้าร่วมเป็นผู้ประกอบการ SMEs จังหวัดชายแดนของไทย 29 ราย จาก 3 กลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มของใช้ภายในบ้านและของตกแต่ง และกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม โดยในการเจรจาจับคู่ธุรกิจมีนักธุรกิจชาวเมียนมาให้ความสนใจเข้าร่วมเจรจากว่า 50 ราย ซึ่งเกิดยอดการสั่งซื้อในงานทันทีมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท จากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของบริษัทเควัน ฟู๊ด จำกัด" นายอดุลย์กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการชาวเมียนมายังให้ความสนใจที่จะทำการซื้อสินค้า และร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทยในอนาคตอีกกว่า 14 ราย อาทิ บริษัทเทคโน-เบิร์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปกรณ์กันนกนอกอาคาร และน้ำยาฆ่าเชื้อ มีผู้ประกอบการเมียนมาให้ความสนใจต้องการนำเข้ามากถึง 3 ราย และบริษัทเซนต์ บิวตี้ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องสำอางค์สมุนไพร ก็ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเมียนมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่บริษัท 42 เนเชอรัลรับเบอร์ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทย มีผู้ประกอบการเมียนมาต้องการที่จะนำเข้า เพื่อกระจายสู่ตลาดเฟอร์นิเจอร์ และโรงพยาบาลในเมียนมา รวมถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด โฟ ยู เนเชอะ ที่มีผู้ประกอบการชาวเมียนมาต้องการที่จะร่วมลงทุน โดยต้องการให้เปิดโรงงานและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ร่วมกัน เป็นต้น
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญได้แก่ กิจกรรม Knock Door ผู้นำเข้าที่เป็น Modern Trade รายใหญ่ของเมียนมา ได้แก่ Myanmar Best Food & Beverage Co. Ltd, Dragon win win, และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Citymart ซึ่งให้ความสนใจสินค้าไทยเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการไทยได้รับข้อมูลแบบเจาะลึกถึงช่องทางการค้า เพื่อนำไปวางแผนวางกลยุทธ์ในการส่งออกสินค้าไทยมายังเมียนมา ทั้งยังได้สร้างสัมพันธ์อันดี และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกลุ่มที่เข้าร่วมงานอีกด้วย
"ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ นิยมสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีวัฒนธรรมการบริโภคที่ใกล้เคียงกัน และเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทย โดยสินค้าไทยที่เป็นชื่นชอบ ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำผลไม้ เครื่องสำอาง เป็นต้น" อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ
ทั้งนี้ ประเทศเมียนมามีศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง 2 ตลาดใหญ่คือ จีนและอินเดียที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกัน ซึ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนกับเมียนมามาโดยตลอด เพื่อการพัฒนาการค้าร่วมกันอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมา กรมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมการค้าชายแดน และการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้จัดคณะผู้แทนการค้าการลงทุนเดินทางเยือนเมียนมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยายการค้าการลงทุนและสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทย-เมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ