ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวหลังมีแนวโน้มอ่อนแอลงมาก ซึ่งล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจยูโรโซนลง 0.3ppt มาอยู่ที่ 1.3% เนื่องจากการผลิตในเยอรมนียังมีแนวโน้มอ่อนแอ และปัญหาหนี้ของอิตาลีที่ยังฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยง Brexit ที่ยังยืดเยื้อ และประเด็นสงครามการค้าที่มีความเสี่ยงที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป ซึ่งจะกดดันให้ ECB ออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม
ที่ประชุม ECB มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0.0% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.40% และคงขนาดงบดุลของธนาคารกลางไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากประเมินภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนแอลง โดยกังวลผลกระทบของความไม่แน่นอนของ Brexit และผลกระทบจากสงครามการค้าต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
"แม้ว่า ECB จะไม่ได้ประกาศมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แต่ถ้อยแถลงสะท้อนถึงแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซนที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ต่ำ" ธนาคารกสิกรไทย ระบุ
โดยนายมาริโอ้ ดรากี้ ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณที่ชี้ถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยระบุว่า อัตราดอกเบี้ยโยบายจะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมไปทั้งปี 2562 จากเดิมที่จะคงดอกเบี้ยให้ผ่านช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และ ECB จะประเมินขนาดของการปล่อยกู้ ระยะเวลา และการคิดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารพาณิชย์ในการดำเนินมาตรการปล่อยกู้ เฉพาะกลุ่ม TLTROs ที่ได้มีประกาศมาตรการไปในการประชุมเดือนมีนาคมว่าจะเริ่มใช้ในเดือนกันยายน โดย ECB จะประเมินถึงการส่งผ่านมาตรการไปยังภาคเศรษฐกิจจริง ความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซนในระยะต่อไป และผลกระทบจากการดำเนินมาตรการที่จะเกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์ โดยนายดรากี้ กล่าวว่า น่าจะมีพูดคุยกันและประกาศเงื่อนไขการปล่อยกู้ในการประชุมเดือนมิถุนายน และ ECB จะประเมินผลกระทบของการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ยาวและประกาศเงื่อนไขการปล่อยกู้ในการประชุมเดือนมิถุนายน
โดย ECB จะประเมินผลกระทบของการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ยาวนานต่อความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคาร ซึ่งอาจนำไปสู่การออกมาตรการช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ อาทิ การคิดดอกเบี้ยเงินสำรองส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์แบบจัดชั้น (Tiered-Deposit rate) ที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้
ขณะที่ตลาดตอบรับสอดคล้องกับท่าที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นของ ECB โดยเงินยูโรอ่อนค่าลงถึง 0.51% มาอยู่ที่ 1.123 หลังการแถลงนโยบายของอีซีบี ก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากรายงานบันทึกการชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเช่นกัน โดยเงินยูโรกลับมาเคลื่อนไหวในช่วง 1.126-1.128