น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ ในการเป็นพันธมิตรด้านการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับ ททท. พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยการเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยว
ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เช่น กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะทำงานร่วมกับ ททท.ในการเชื่อมโยงการค้ากับการท่องเที่ยวในกลุ่มสินค้าและบริการเป้าหมาย โดยมีขอบเขตการร่วมมือ 4 ด้าน คือ การส่งเสริมการตลาด, การประชาสัมพันธ์, การบูรณาการข้อมูล และการพัฒนาผู้ประกอบการ
"หลังจากลงนาม MOU แล้ว จะตั้งทีมทำงานไปคุยกันในรายละเอียด เพื่อจัดทำแผนดำเนินการให้เห็นผลภายใน 3-6 เดือน ซึ่งในส่วนของกรมฯ จะเริ่มจากการเชื่อมโยงผู้ประกอบการท้องถิ่น และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่กรมฯ ได้ส่งเสริมและพัฒนา เพื่อผลักดันให้เป็นผู้ส่งออกรายใหม่ และจะเชื่อมโยงนำสินค้าจากผู้ประกอบการเหล่านี้ ไปจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยว ที่จะกำหนดร่วมกับ ททท. ถือเป็นการช่วยทำตลาดให้กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศไปพร้อมๆ กัน" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุ
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับ บมจ.ปตท.(PTT) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Bank เชื่อมโยงสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) สินค้าจากผู้ผลิตในชุมชนมาจำหน่ายในปั๊มน้ำมัน ปตท.แล้ว และจะร่วมมือกับ ททท.พิจารณาพื้นที่ในเมืองรอง ซึ่งอาจจะเป็นในปั๊มน้ำมัน ปตท. หรือสถานที่ๆ เหมาะสม เพื่อผลักดันให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว
ด้านนายฉัตรชัย ศักดิ์ศิลปชัย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการค้าภายในมีตลาดต้องชมที่เป็นตลาดซื้อขายสินค้าของท้องถิ่น ที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมฯ ประมาณ 220 แห่งทั่วประเทศ มูลค่าการซื้อขายในตลาดตกเดือนละ 300 ล้านบาท ซึ่งจะเชื่อมโยงกับ ททท.เพื่อผลักดันให้เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปเที่ยวชม เพราะหากเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ จะช่วยให้สินค้าชุมชน สินค้าเกษตร และสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่นสามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น และช่วยเศรษฐกิจระดับฐานรากให้ขยายตัวดีขึ้น