นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2562 ของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่งที่ สคร.กำกับดูแลโดยตรง สิ้นสุดเดือน ก.พ.62 มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมจำนวน 51,683 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม
โดยรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมาย แต่ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ค่อนข้างต่ำ มีสาเหตุหลักจากการเบิกจ่ายที่ล่าช้าต่อเนื่องของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 - 2560) ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.
ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ดี โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการให้บริการประชาชน ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจให้ยังคงมีความต่อเนื่อง
ด้านนายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง สิ้นสุดเดือน ก.พ.62 เท่ากับ 51,683 ล้านบาท แบ่งเป็น การเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 34 แห่ง ที่เบิกจ่ายได้ 35,540 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของแผน การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 5 เดือน (ตั้งแต่เดือน ต.ค.61-ก.พ.62) และการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ ปีปฏิทิน 11 แห่ง เท่ากับ 16,143 ล้านบาท หรือคิดเป็น 111% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 2 เดือน (ตั้งแต่เดือน ม.ค.62-ก.พ.62)
ทั้งนี้ มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้เกินกว่าเป้าหมาย เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และงานก่อสร้างปรับปรุงขยายของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)