นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า เชื่อว่าในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีการประชุมวันที่ 27 ก.พ.นี้ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากที่ทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดได้มีมติปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้ดอกเบี้ยของไทยสูงกว่าดอกเบี้ยสหรัฐ และอาจส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศและเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก
"การที่เฟดลดดอกเบี้ยลงถึง 1.25% ในรอบ 8 วัน คงต้องดูว่าผลของการใช้มาตราการการเงินและการคลังของสหรัฐในระยะสั้นดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนมีการใช้จ่ายและชำระหนี้ได้มากขึ้น" นายขรรค์กล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าในปีนี้จะเกิดการแข่งขันในเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีกรอบ เพื่อแย่งสภาพคล่องในระบบ แต่ในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้อาจจะยังไม่มีการปรับลดลงในเร็วๆ นี้
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นายขรรค์ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา จะยังคงมีนโยบายในการกระะตุ้นอสังหาริมทรัพย์เหมือนช่วงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ส่วนนโยบายจะเป็นอย่างไร คงต้องรอความชัดเจนก่อน
สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง โดยระบุว่า เชื่อมั่นในตัวรมว.คลังคนใหม่ และเชื่อว่าจะมีทีมงานที่ดี มีความรู้ความสามารถ และพร้อมทำงานได้ทันที โดยธอส.ได้เตรียมข้อมูลโครงการประชานิยมที่เคยทำไว้ เช่น บ้านเอื้ออาทร บ้านมั่นคง พร้อมเตรียมเสนอรัฐบาลขอเพิ่มทุนอีก 1 หมื่นล้านบาท เพื่อไปใช้ในการขยายสินเชื่อและการดำเนินการของธอส.
นอกจากนี้ จะเสนอขอรัฐบาลเข้าค้ำประกันพันธบัตรของธอส.ที่เตรียมออกพันธบัตรวงเงิน 5 พันล้านบาทในก.พ.นี้
"การที่รัฐบาลเข้าค้ำประกันพันธบัตร จะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยของธอส.ได้ถึง 0.5-0.6% ทำให้ธนาคารมีต้นทุนเงินกู้ที่ต่ำลง ทำให้สามารถใช้ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้" นายขรรค์ กล่าว
ธอส.ยังได้เตรียมแยกบัญชีพิเศษ PSO โดยจะนำโครงการบ้านเอื้ออาทร บ้านมั่นคง บ้าน กบข. ที่ปัจจุบันมีสินเชื่อรวม 8 หมื่นล้านบาทแยกเป็นบัญชีเพื่อขอวงเงินชดเชยจากผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดว่าจะขอวงเงินชดเชยเท่าไหร่
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--