นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่มีขนาดใหญ่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจในปีนี้มีความยากลำบากมากขึ้น ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศขณะนี้ไม่น่าเรื่องที่น่ากังวล
"สำหรับผมแล้วความเสี่ยงเรื่องการเมืองยังมองไม่เห็น ปัญหาการเมืองในขณะนี้จึงยังไม่มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ต้องรอดูต่อไปว่ามีนโยบายอย่างไร และให้โอกาสได้ทำงานก่อน" นายบัณฑูร กล่าว
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น นายบัณฑูร ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่หากมีการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทันที
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK กล่าวว่า แผนธุรกิจของธนาคารในปีนี้ยังคงเน้นเรื่องการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและการบริหารความเสี่ยงเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเน้นการสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าให้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่มีขีดจำกัด และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าบุคคล
ทั้งนี้ KBANK มีลูกค้า 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบรรษัทธนกิจ, กลุ่มลูกค้าสหบรรษัทธนกิจ, กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ, กลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง, กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป, กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม และกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลาง
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจธนาคารในปีนี้ก็ยังคงมีการแข่งขันสูง ซึ่งในส่วนของ KBANK ไม่ได้รับผลกระทบมากนักแม้จะมีการควบรวมกับธนาคารต่างชาติเพราะไม่สามารถปรับโครงสร้างทางการตลาดของธุรกิจธนาคารไทยได้ เนื่องจากการทำธุรกิจในประเทศไทยยังยึดติดกับวัฒนธรรมแบบไทย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK กล่าวว่า ล่าสุดสาขาเซิ่นเจิ้นเพิ่งได้รับใบอนุญาตให้ปล่อยสินเชื่อเป็นสกุลเงินหยวน ซึ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีที่มีความเข้าใจดีว่าเป็นสาขาที่ยังมีปัญหาขาดสภาพคล่อง
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--