รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้กำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ชำระเงินที่ใช้บัตรเดบิตของตนเองทุกประเภทที่ออกในประเทศไทยและมีการใช้จ่ายในประเทศไทย (ไม่รวมถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) หรือวิธีการอิเล็กทรอนิกส์อื่น ในการซื้อสินค้าและบริการที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่รวมถึงสินค้าและบริการที่มีภาษีสรรพสามิต) กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้ระบบบันทึกการเก็บเงิน (Point of Sale: POS) ซึ่งสามารถแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคาสินค้าและบริการได้ ในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 โดยแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกจากราคาสินค้าและบริการที่ได้ชำระ และจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวนเท่ากับ 5% โดยจะจ่ายเงินชดเชยสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาทต่อคนผ่านระบบพร้อมเพย์ อันเป็นการสนับสนุนการดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (National e – Payment Master Plan) และนโยบายพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินกลางของประเทศไทย โดยส่งเสริมการชำระเงินด้วยการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เงินสด ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 ธันวาคม 2561 และวันที่ 2 มกราคม 2562
ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ ที่อนุมัติให้ครั้งนี้ เป็นการกำหนดให้เงินชดเชยที่ได้รับ ตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินด้วยบัตรเดบิต หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งได้มีการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการนั้นให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ เงินชดเชยดังกล่าวต้องมีจำนวนไม่เกินหนึ่ง 1,000 บาท