นายปิ่นสาย สุรัสวดี โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และตัวแทนจากธนาคารพาณิชย์ ถึงแนวทางการเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์นั้น ในสัปดาห์หน้า กรมสรรพากรเตรียมจะออกประกาศยกเว้นการเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาทใหม่เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับผู้ฝากเงินส่วนใหญ่
สำหรับประกาศใหม่นี้ กรมสรรพากรจะใช้อำนาจให้ธนาคารพาณิชย์ส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทุกบัญชี มาให้กรมสรรพากร เพื่อประมวลผลว่าผู้ฝากเงินรายใดมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากเกิน 20,000 บาท จากนั้นจะส่งข้อมูลกลับไปให้ธนาคารพาณิชย์ทำการหักภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ 15% ให้แก่กรมสรรพากร
แต่หากผู้ฝากเงินรายใดที่ไม่ประสงค์จะให้ธนาคารพาณิชย์นำส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่กรมสรรพากร ก็สามารถแจ้งกับธนาคารพาณิชย์ได้ แต่ทางธนาคารเจ้าของบัญชีจะทำการหักดอกเบี้ยเงินฝากทั้งหมดให้แก่กรมสรรพากร แม้ว่าผู้ฝากเงินจะมีรายได้จากดอกเบี้ยไม่ถึง 20,000 บาทก็ตาม และหากผู้ฝากเงินเห็นว่าไม่มีภาระดอกเบี้ยเงินฝากต้องเสียภาษี ก็ให้มาขอยื่นคืนภาษีตอนสิ้นปีภาษีได้
"การหารือร่วมกันครั้งนี้ ธปท.ชี้แจงว่า หากกรมสรรพากรมีฐานอำนาจที่สามารถสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ส่งข้อมูลลูกค้า ก็สามารถทำได้ ดังนั้นผู้ฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ 80 ล้านบัญชี ไม่ต้องทำอะไรเลย ให้อยู่เฉยๆ เหมือนเดิม ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝากหากรวมแล้วไม่เกิน 2 หมื่นบาท เพราะธนาคารพาณิชย์จะส่งข้อมูลมาให้กรมสรรพากรประมวลผลเอง" โฆษกกรมสรรพากรระบุ
สำหรับการนำส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารพาณิชย์ให้กับกรมสรรพากรนั้น จะเริ่มดำเนินการในเดือน พ.ค.และ พ.ย. ของทุกปี เพื่อที่กรมสรรพากรจะได้ประมวลผลและส่งให้ธนาคารพาณิชย์เก็บภาษีดอกเบี้ยผู้ที่มีรายได้จากดอกเบี้ยเกิน 20,000 บาท ในเดือน มิ.ย.และ ธ.ค. ของทุกปี ซึ่งใน 80 ล้านบัญชี มีไม่ถึง 1% ที่มีภาระต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิน 20,000 บาท