ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนเม.ย.62 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อยู่ที่ระดับ 79.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง รวมทั้งกังวลภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า และกำลังซื้อของประชาชนไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 66.2 จาก 67.6 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ระดับ 74.6 จาก 75.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 96.7 จาก 98.4 ในเดือนมี.ค. 62
สำหรับปัจจัยลบที่สำคัญของเดือนเม.ย.62 ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2562 เหลือโต 3.8% จากเดิมที่คาดโต 4.0% หลังคาดว่าการส่งออกไทยปีนี้จะเหลือโตแค่ 3.4% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.5% ซึ่งเป็นผลจากทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมทั้งนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ยังมีความกัวงลของผู้บริโภคเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล และสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตที่อาจมีความไม่แน่นอนและขาดเสถียรภาพ, การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.62 มีมูลค่า 21,440 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4.8% ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/2562 การส่งออกไทย ติดลบ 1.64%, ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง ที่จะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและการหารายได้ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ, ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เป็นต้น
ส่วนปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มคลี่คลาย หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจาร่วมกันและยุติสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว 90 วัน, นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากประเทศไทยยกเว้นค่าธรรมเนียม VISA on Arrival และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย