นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือน พ.ค.562 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.11-1.58% อยู่ที่ราคา 7,837-7,952 บาท/ตัน เพราะภาวะภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวนาปรังเสียหาย ทำให้ปริมาณออกสู่ตลาดลดลง
ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.17-0.48% อยู่ที่ราคา 15,665-15,711 บาท/ตัน ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.36-0.53% อยู่ที่ราคา 10,683-10,702 บาท/ตัน เนื่องจากความกังวลจากภาวะภัยแล้ง ทำให้ผู้ประกอบการค้าข้าวต้องการเก็บข้าวไว้ในสต็อกเพิ่มขึ้น
น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1-2% อยู่ที่ราคา 12.89-13.03 เซนต์/ปอนด์ (9.12-9.22 บาท/กก.) ตามการเข้ามาซื้อน้ำตาลคืนจากตลาดของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไร เนื่องจากการคาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลในประเทศบราซิล และอินเดียมีแนวโน้มลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการปรับสัดส่วนใช้น้ำตาลเพื่อผลิตเป็นเอทานอลเพิ่มขึ้น ทำให้สต็อกน้ำตาลทรายลดลง
ยางพาราแผ่นดิบ ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.19-2.44% อยู่ที่ราคา 45.52-46.55 บาท/กก. เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูยางพาราผลัดใบ และมาตรการจำกัดการส่งออกยางพาราของประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทำให้ปริมาณผลผลิตในตลาดโลกลดลง
สุกร ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.50-2.68% อยู่ที่ราคา 69.00-70.50 บาท/กก.เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจากการที่เวียดนามและกัมพูชา พบการระบาดของโรค AFS ประกอบกับสภาวะอากาศร้อน ส่งผลให้สุกรเจริญเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดลดลง
ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาจะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 0.20-0.80% อยู่ที่ราคา 7.73-7.77 บาท/กก. เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณผลผลิตสะสมค่อนข้างมาก ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังทรงตัว
มันสำปะหลัง ราคาจะลดลงเล็กน้อย 0.94-2.50% อยู่ที่ราคา 2.10-2.07 บาท/กก. เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการส่งออกไปจีนมีแนวโน้มลดลงจากเงินบาทที่แข็งค่า
ปาล์มน้ำมัน ราคาจะปรับลดลงจากเดือนก่อน 0.50-1.50% อยู่ที่ราคา 1.93-1.95 บาท/กก. เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการใช้ในประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มลดลง
กุ้งขาวแวนนาไม ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 0.68-2.03% อยู่ที่ราคา 145.00 – 147.00 บาท/กก. เนื่องจากคาดว่าปริมาณผลผลิตในตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียและเวียดนามที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงเดือน พ.ค.และ มิ.ย.ส่งผลให้ราคากุ้งในตลาดปรับโลกลดลง