เทอร์รี่ ซีเมล ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ยาฮู อิงค์ (Yahoo Inc.) วานนี้ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์นาน 6 ปีครึ่งกับบริษัท หลังจากที่เขาได้ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอเมื่อปีก่อนภายใต้แรงกดดันจากผู้ถือหุ้น เนื่องจากไม่สามารถรื้อฟื้นความสำเร็จของบริษัทที่ประสบภาวะตกต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้
โดย รอย โบสต็อก กรรมการอีกรายหนึ่งของบริษัทจะมารับตำแหน่งประธานกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหารแทน ซีเมล
ยาฮูกล่าวว่า ซีเมลตัดสินใจยุติบทบาทประธานกรรมการตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ตกลงที่จะนั่งเก้าอี้ต่อไปเพื่อให้เวลาบริษัทหาผู้มาสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา
"ด้วยขณะนี้บริษัทกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าภายใต้ผู้นำคนใหม่ จึงสมควรแก่เวลาแล้วที่ผมจะก้าวลงจากบอร์ด" ซีเมลกล่าวในแถลงการณ์
ซีเมล วัย 64 ปี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของยาฮู นับตั้งแต่ที่เจอร์รี่ หยาง เข้าดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนเขาในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะยังไปปรากฏตัวตามงานด้านไฮเทคบ้างเป็นครั้งคราว
ทั้งนี้ ยาฮูจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ซีเมลรวมเป็นมูลค่า 71.1 ล้านดอลลาร์ในปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่มูลค่าตลาดของบริษัทร่วงลง 35% หรือประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ซีเมลเป็นซีอีโอที่ได้ค่าตอบแทนสูงสุดในบรรดาบริษัทมหาชน 386 แห่ง ในบทวิเคราะห์เรื่องอัตราค่าจ้างของบริษัทชั้นนำของสหรัฐที่สำนักข่าวเอพีได้ทำการสำรวจในปีนั้น
สำหรับโบสต็อกนั้น ในปีที่แล้วเขาต้องเผชิญปฏิกริยารุนแรงจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 3 รายที่ไม่ต้องการให้เขากลับเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ 10 รายของยาฮู โดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ถือหุ้นของยาฮูโหวตคัดค้านโบสต็อกในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัท ซึ่งเป็นความเห็นขัดแย้งกันครั้งใหญ่อย่างที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งนัก
อย่างไรก็ดี แรงต้านดังกล่าวไม่สามารถครอบงำความคิดเห็นของบริษัทที่มีต่อโบสต็อก ผู้คร่ำหวอดในแวดวงโฆษณาก่อนที่เขาจะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของยาฮูในปี 2546
"รอยเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เขามีประสบการณ์นับ 10 ปีในอุตสาหกรรมโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อยาฮูมากที่สุดในเวลานี้และสำคัญต่อความสำเร็จระยะยาวของเรา" หยาง ซีอีโอของยาฮู กล่าวในแถลงการณ์
สำหรับการยุติบทบาทซีอีโอของซีเมลก่อนหน้านี้นั้น เกิดขึ้นเนื่องจาก ยาฮู ไม่สามารถอาศัยความได้เปรียบจากกระแสโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตที่กำลังบูม เหมือนกับที่คู่ปรับรายสำคัญ อย่าง กูเกิล อิงค์ ทำได้
ทั้งนี้ ก่อนที่กูเกิลจะนำหุ้นเข้าตลาดในปี 2547 มีรายงานว่า ยาฮูได้พิจารณาที่จะซื้อกูเกิล ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเพียงคู่แข่งที่เล็กกว่า ด้วยมูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านดอลลาร์ แต่ซีเมลได้ยับยั้งไว้เนื่องจากเห็นว่าเป็นมูลค่าที่สูงเกินไป โดยขณะนี้ กูเกิลมีมูลค่าตลาดสูงขึ้นแตะ 1.75 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าของยาฮูถึง 7 เท่า
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของนายหยางในการเพิ่มกำไรให้ยาฮู บริษัทได้ออกมาเปิดเผยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่าบริษัทจะปลดพนักงาน 1,000 ตำแหน่ง ซึ่งช่วยตัดลดบัญชีเงินเดือนพนักงานลงได้ 7% นับเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยาฮูว่าจ้างซีเมลในปี 2544 เพื่อมาช่วยให้บริษัทรอดพ้นจากภาวะตกต่ำ
ซีเมล ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของค่ายหนังฮอลลีวูด ได้เลย์เอาท์พนักงาน 650 ตำแหน่งในช่วงปีแรกที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งซีอีโอของยาฮู ต่อมาเขาได้พยายามผลักดันยาฮูให้หันมาจับธุรกิจในแวดวงบันเทิงและสารสนเทศ ขณะเดียวกันก็ทุ่มเงินมหาศาลในเทคโนโลยีการสืบค้นเพื่อไล่ตามยาฮูให้ทัน
กลยุทธ์ดังกล่าวได้ผลในช่วงแรก เมื่อผลกำไรและราคาหุ้นของยาฮูเพิ่มขึ้น ในช่วง 4 ปีครึ่ง มูลค่าหุ้นของยาฮูทะยานขึ้นเกือบ 4 เท่า แต่การที่ยาฮูต้องประสบปัญหาการเงินในช่วง 2 ปีหลัง ได้ส่งผลให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของซีเมลเกี่ยวกับตลาดโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต และทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ปลดเขาออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ซีเมลทำเงินได้เกือบ 450 ล้านดอลลาร์ในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้บริหารของยาฮู ด้วยการใช้สิทธิ์ซื้อขายหุ้นที่บริษัทให้แก่เขา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--