กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และเป็นการส่งสัญญาณครั้งใหม่ว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงอันตราย
ขณะที่อัตราว่างงานขยับลงเล็กน้อยแตะ 4.9% ในเดือนม.ค. จาก 5% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากแรงงานภาคพลเรือนที่ลดลง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานที่ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนส.ค.2546 ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง
ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การปรับลดคนงานเกิดขึ้นทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิต บริษัทก่อสร้าง รวมไปถึงบริการทางธุรกิจและสาขาวิชาชีพต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดจากวิกฤติสินเชื่อและการเคหะ ขณะที่ภาครัฐบาลก็ลดจำนวนพนักงานเช่นกัน ซึ่งจำนวนที่ลดลงไม่อาจชดเชยได้ด้วยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในภาคการศึกษา การดูแลสุขภาพ และค้าปลีก
นอกจากนี้ การขยายตัวของค่าจ้างก็ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้อีกประการหนึ่งว่า บรรดานายจ้างกำลังรัดเข็มขัดในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้
ตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานที่มีการเปิดเผยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า นายจ้างเพิ่มความระมัดระวัง ขณะที่พวกเขาพยายามรับมือกับผลพวงเลวร้ายที่เกิดจากปัญหาสินเชื่อและบ้าน รวมถึงความกังวลที่ทวีขึ้นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ออกมาเร่งให้สภาคองเกรสผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยชี้ให้เห็นถึงตัวเลขจ้างงานที่ลดลงว่าเป็นหนึ่งในหลายๆสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าเศรษบกิจกำลังอ่อนแอ และต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--