หนังสือพิมพ์เกาหลี ไทม์ รายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) อาจปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2551 ของเกาหลีใต้ลง เพราะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบและวัตถุดิบอื่นๆที่พุ่งสูงขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงซึ่งส่งผลให้ยอดส่งออกของประเทศลดลงไปด้วย
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 4.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 5% ในเดือนธ.ค. อันเป็นผลมาจากภาวะวิกฤตตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้าที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) ของสหรัฐ และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
การคำนวณอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางเกาหลีใต้อาศัยการคาดการณ์ที่ว่า ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และเศรษฐกิจทั่วโลกจะสามารถรอดพ้นจากความเสี่ยงและกลับมาขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ราคานำเข้าโดยเฉลี่ยแตะระดับ 89.6 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.2551
นักวิเคราะห์จากธนาคารกลางเกาหลีใต้กล่าวต่อหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวว่า เกาหลีใต้ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และได้รับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกเพิ่มขึ้น
กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยอดขาดดุลการค้าแตะระดับที่ 3.38 พันล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนยอดส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% จากระดับในปีก่อนหน้านี้ แตะระดับ 3.286 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 31.5% แตะระดับ 3.624 หมื่นล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีลี เมียง-บัคกล่าวว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหายอดขาดดุลการค้าและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น นายลีเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต 7% ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แม้ว่าเขาจะปรับเปลี่ยนเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเหลือ 6% หลังจากที่เขาได้คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้วก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--