ขณะที่หุ้นของกูเกิลกำลังอยู่ในช่วงขาลงจากปัจจัยลบ อันได้แก่ผลประกอบการไตรมาสสี่ที่น่าผิดหวัง บริษัทเสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่แห่งนี้ก็ถูกโถมเข้าใส่อีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า ไมโครซอฟท์ คอร์ป และคู่แข่งรายสำคัญอย่าง ยาฮู อิงค์ อาจจะควบรวมกิจการกัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ยื่นข้อเสนอซื้อยาฮูเป็นมูลค่า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 31 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่บริษัทขยับขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดการสืบค้นและโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต ข้อมูลของนีลสัน ออนไลน์ ระบุว่า กูเกิลครองส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชเอ็นจิ้นออนไลน์ของสหรัฐในสัดส่วน 56.3% โดยมียาฮูตามมาห่างๆ ที่ 17.7% และเอ็มเอสเอ็น/วินโดว์ส ไลฟ์ (MSN/Windows Live) ของไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่ง 13.8%
การควบรวมกิจการระหว่างยาฮูและไมโครซอฟท์อาจทำให้กูเกิลหนาวๆร้อนๆได้ ซึ่งเจฟฟ์ ลินด์เซย์ นักวิเคราะห์จากแซนฟอร์ด ซี. เบิร์นสไตน์ คาดว่าเราจะได้เห็นการแข่งขันของทั้งสองฝ่ายได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2551
เขากล่าวว่า ธุรกิจโฆษณาของไมโครซอฟท์และยาฮูซ้อนทับกันอยู่ ซึ่งจะทำให้บริษัทที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมกันมีผลประโยชน์ 20-27% ในธุรกิจสืบค้นออนไลน์ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การควบรวมกิจการจะสามารถดึงดูดผู้โฆษณาออนไลน์ได้มากกว่าการที่สองบริษัทแยกกันทำธุรกิจ มันทำให้พวกเขาเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น" ลินด์เซย์ กล่าวกับสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล
นอกจากนี้ ยาฮู ยังจะทำให้ไมโครซอฟท์มีธุรกิจขนาดใหญ่ที่กูเกิลไม่มี และจะดึงดูดผู้โฆษณาได้มากขึ้นด้วย “มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ ถ้าพวกเขารู้จักใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่"
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากทรัพยากรที่มั่งคั่งของไมโครซอฟท์และยาฮู การควบรวมกิจการกันอาจจะคุกคามธุรกิจของกูเกิลโดยรวม แต่ลินด์เซย์เชื่อว่า “มันจะไม่พลิกเกม" เนื่องจากกูเกิลจะยังคงเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ในธุรกิจการสืบค้นที่เรียกเก็บค่าบริการ
ถ้าทั้งสองบริษัททำข้อตกลงได้เร็วๆนี้ ก็อาจจะต้องใช้เวลาถึงสิ้นปีในการรวมแพลตฟอร์มการสืบค้นของสองบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงการปิดแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้ลดลง “การรวมกันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ" ลินด์เซย์กล่าว
อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่กูเกิลจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากการควบรวมระหว่างไมโครซอฟท์และยาฮู “เมื่อคุณรวมบริษัทที่มีวัฒนธรรมต่างกันลิบลับ ก็ย่อมมีความเสี่ยงที่กิจการหลังการควบรวมจะประสบความล้มเหลว" ลินด์เซย์กล่าว พร้อมยกตัวอย่างกรณีของ เอโอแอล และ ไทม์ วอร์เนอร์ ที่ผนึกรวมกันเมื่อปี 2544 โดยเขาชี้ว่าทั้งสองบริษัทน่าจะเสริมศักยภาพกันและกันในด้านต่างๆได้มากกว่านี้
ด้านซิตี้กรุ๊ปก็มองว่าการรวมกันระหว่างไมโครซอฟท์และยาฮู จะส่งผลกระทบต่อกูเกิลในระยะยาว “แต่ในระยะใกล้ เรายังสงสัยว่าความนิยมอย่างล้นหลามของผู้ใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นของกูเกิลจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่" เบรนท์ ธิล นักวิเคราะห์กล่าว
ดีเร็ก บราวน์ นักวิเคราะห์จาก แคนเตอร์ ฟิตซ์ เจอรัลด์ กลับเชื่อว่า การควบรวมกิจการระหว่างไมโครซอฟท์และยาฮูอาจทำให้สองบริษัทต้องเสียส่วนแบ่งตลาดให้กูเกิล
“เราไม่คาดหวังว่า บริษัทที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมระหว่างไมโครซอฟท์และยาฮูจะเปลี่ยนแปลงภาพการแข่งขันในปัจจุบันได้อย่างถอนรากถอนโคน"
หุ้นของกูเกิลร่วงลงขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอินเทอร์เน็ตพากันปรับตัวขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากรายได้และผลกำไรไตรมาสสี่ของบริษัทไม่เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด โดยหุ้นกูเกิลลบ 8.6% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 510.98 ดอลลาร์
ขณะที่หุ้นของยาฮูบวกขึ้น 45% แตะ 27.75 ดอลลาร์ และหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 6% แตะ 30.54 ดอลลาร์
ทั้งนี้ กูเกิลเปิดเผยเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีว่า บริษัทมีผลกำไร 4.43 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสสี่ ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ที่ธอมสัน ไฟแนนเชียลได้สำรวจไว้ คาดว่าผลกำไรของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 4.44 ดอลลาร์ ส่วนรายได้ของกูเกิลเพิ่มขึ้น 51% แตะ 4.83 พันล้านดอลลาร์จาก 3.21 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการจำนวน 1.44 พันล้านดอลลาร์ รายได้ในไตรมาสสี่ของบริษัทจะอยู่ที่ 3.39 พันล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.45 พันล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--