คนร.เห็นชอบจัดตั้งบริษัทลูกของ รฟท. 2 บริษัท บริหารสินทรัพย์และเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 15, 2019 13:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุม เห็นชอบในหลักการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้บริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทลูกจะทำหน้าที่ในการจัดการที่ดินในเชิงพาณิชย์ให้แก่ รฟท. ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้และแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ รฟท.

และเห็นชอบการเพิ่มพันธกิจให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ที่ปัจจุบันมีพันธกิจในการบริหารโครงการ Airport Rail Link (ARL) ให้เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งจะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและบุคลากรของ รฟฟท. ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เนื่องจาก รฟฟท. มีประสบการณ์ในการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ ARL โดยให้ปรับปรุงแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการหารายได้และทำกำไร และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและ รฟฟท. ให้มีประสิทธิภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าเอกชน เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและตัวชี้วัดที่กำหนดโดยไม่เป็นภาระของภาครัฐในอนาคต

นอกจากนี้ รฟท. ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ในเรื่องการพัฒนาทางคู่ ทางสายใหม่ รถไฟความเร็วสูง สถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน และการจัดการด้านบุคลากร โดย คนร. ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. เร่งจัดทำข้อมูลที่ดินให้ครบถ้วนและพัฒนาการบริหารจัดการที่ดินให้สร้างมูลค่าโดยเร็ว และให้มีคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกำกับดูแลในการดำเนินการทั้งหมด

นายประภาศ กล่าวว่า คนร. ได้พิจารณาและรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ดังนี้ บมจ. ทีโอที บมจ. กสท กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวง ดศ.)ได้รายงานความก้าวหน้าในการควบรวม บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ซึ่งได้มีความชัดเจนในเรื่องข้อพิพาท เรื่องบุคลากร และเรื่องต่างๆ ตามที่ คนร. ได้มอบหมายแล้ว และคาดว่าจะสามารถควบรวมตามขั้นตอนกฎหมายได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดย คนร. ได้เห็นชอบในหลักการควบรวมกิจการของบมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด และให้กระทรวง ดศ. เร่งนำเสนอ ครม. โดยเร็วต่อไป

ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างบุคลากรใหม่และพัฒนาระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งได้นำน้ำมัน B20 มาใช้กับรถทั้งหมดแล้ว เพื่อลดมลพิษในกรุงเทพมหานคร และหาก ขสมก. สามารถจัดหารถโดยสารใหม่ได้ตามแผน ขสมก. จะสามารถมี EBITDA เป็นบวกได้ในปี 2566 โดย คนร. ได้รับทราบแผนฟื้นฟูกิจการและให้ ขสมก. นำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการให้ ครม. พิจารณาต่อไป ส่วนรายละเอียดของแผนฟื้นฟูให้กระทรวงคมนาคมและ ขสมก. พิจารณาจัดทำดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ขสมก. เช่น การจัดหารถโดยสาร การจัดการพนักงาน และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เป็นต้น

สำหรับบมจ.การบินไทย (THAI) ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ในเรื่องการพัฒนาการให้บริการ การพัฒนาระบบการขาย การหารายได้เสริม และการลดต้นทุน รวมทั้งการจัดหาฝูงบินและโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงที่อู่ตะเภา เพื่อให้ บกท. สามารถแข่งขันได้ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร โดย คนร. มอบหมายให้ THAI ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนเพื่อยกระดับการให้บริการของ THAI และทำให้ผลการดำเนินงานของ THAI มีกำไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ