นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.53 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวาน นี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.58 บาท/ดอลลาร์
"บาทแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ เมื่อคืนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่มีสัญญาณเชิงบวกจากกรณีที่ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ มีแผนเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มยานยนต์จากยุโรปออกไป ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับจีนเท่าไหร่ ทำให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในโลกการค้าออกไปได้บ้าง"นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับวันนี้ประเมินว่ากรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 31.45-31.60 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (15 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.70310% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.72737%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.40 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 109.35 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1207 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1201 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.5430 บาท/ดอลลาร์
- ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับ 31.50 บาทต่อ
ดอลลาร์สหรัฐ โดยถือว่าแข็งค่าเป็นอันดับที่ 1 หรือมากที่สุดเทียบกับภูมิภาคในช่วง 6 เดือน ซึ่งบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ 3.9% ทั้ง
นี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์ สิงคโปร์ ในรอบ 5 ปี และแข็งค่าเทียบเงินหยวนของจีน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นผลจากความ
ไม่แน่นอนสงครามการค้าทำให้มีการนำเงินมาพักในไทยที่ความเสี่ยงต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคและไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับ
สูง เห็นการไหลเข้ามาพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งค่าบาทที่แข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นจะส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันของไทยเทียบประเทศ
ภูมิภาคได้ ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสเห็นแข็งค่าหลุดระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ต้องติดตามการเจรจาสงครามการค้า
สหรัฐและจีน ก่อนที่จีนจะตอบโต้ปรับขึ้นภาษีสหรัฐ หากภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ แต่หากไม่มีข้อตกลงอาจเห็นนักลงทุนกลับเข้ามาถือสินทรัพย์
เสี่ยงของไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนค่าเงินบาทให้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้
- "สมคิด" รับเศรษฐกิจชะลอตัว จากสงครามการค้า-การเมืองไม่ชัดเจน กระทบเอกชนไม่มั่นใจลงทุน จี้ตั้งรัฐบาลและ
ทุกอย่างจะดีขึ้น "พาณิชย์" รับประเมินเป้าส่งออกทั้งปีใหม่ปลาย พ.ค.นี้ ด้านธนาคารโลกจับมือกสิกรไทยจ่อปรับลดจีดีพีประเทศไทยใหม่
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ยังคงประมาณการจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยว ทั้ง
ตลาดต่างประเทศ และในประเทศ ทั้งปี 62 ไว้ตามเดิม แม้ขณะนี้เศรษฐกิจไทยจะต้องเจอกับความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่
ชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และค่าเงินบาทที่แข็งค่า เพราะเชื่อว่า นักท่องเที่ยวไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ดังกล่าว และยัง
คงเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศใกล้ๆ เช่น จีน และอินเดีย
- "ธนารักษ์" ประเมินที่ดินปี 63-66 เล็งเก็บภาษีฯทั่วประเทศ เพิ่มเฉลี่ย 11.37% ถนนสีลม-เพลินจิต-พระราม 1-ถนน
วิทยุ ยึดแชมป์แพงสุด ตร.ว.ละ 1 ล้านบาท ขณะที่โครงการก่อสร้างของรัฐ รถไฟฟ้า-ทางด่วน-รถไฟความ เร็วสูง-เขตพัฒนาเศรษฐกิจ
พิเศษ-อีอีซี ดันราคาที่ดินต่างจังหวัดพุ่งพรวด บางจังหวัดเพิ่มสูงสุดถึงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีก
จะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยการปรับตัวลงของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนเม.ย. เพราะได้รับผล
กระทบจากการร่วงลงของการผลิตรถยนต์ และอะไหล่ โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.5% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่ม
ขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.
- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 66 ใน
เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น
- สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์นำ
เข้าจากยุโรปออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากไม่ต้องการเปิดสงครามการค้ากับยุโรป ขณะที่สหรัฐยังคงมีความขัดแย้งทางการค้ากับจีน
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้
(15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินเยนและฟรังก์ หลังจากทางการจีนและสหรัฐเปิดเผย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
(Brexit)
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลัง
จากสหรัฐและจีนเปิดเผข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดการณ์ใน
เดือนเม.ย.
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่ม
สร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก
Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- บรรดานักลงทุนในตลาดยังคงจับตากระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยล่าสุดรัฐบาล
อังกฤษประกาศว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะจัดการลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาภายในสัปดาห์ที่ 3 มิ.ย. ขณะที่
การเจรจากับพรรคแรงงานยังคงดำเนินต่อไป แม้ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนก็ตาม