พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับทีมวิจัยเกี่ยวกับ Doing Business จากธนาคารโลก โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับทีมวิจัยจากธนาคารโลก พร้อมขอบคุณธนาคารโลกที่ได้ให้ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินธุรกิจในไทย ส่งผลให้อันดับของไทย ประจำปี 2562 อยู่อันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศ และเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน ซึ่งไทยมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับธนาคารโลกมากว่า 70 ปี ครอบคลุมความร่วมมือหลายด้าน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับธนาคารโลก เพื่อยกระดับประเทศและภูมิภาคในทุกด้าน โดยในระยะยาว ไทยยังต้องพัฒนาอีกหลายด้าน ซึ่งต้องการคำแนะนำและความเชี่ยวชาญจากธนาคารโลก ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการจัดทำกรอบความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระดับประเทศ (Country Partnership Framework: CPF) กับธนาคารโลก เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ไทยอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ และดำเนินการให้บรรลุตามแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยได้ดำเนินการปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้ประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีค่าใช้จ่ายถูกลง รวมทั้งยังบูรณาการทำงานของภาครัฐกับภาคเอกชน ให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น และนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุง ลดขั้นตอน กระบวนการและเวลาการดำเนินงานของภาครัฐ พร้อมตั้งเป้ายกระดับการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจให้อยู่ในกลุ่ม 20 ประเทศแรกของโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งในอนาคต โดยความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางไว้ และเห็นว่าการดำเนินธุรกิจจะประสบผลสำเร็จได้จะต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง และภาคเอกชนที่เข้าใจในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และในปีนี้ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน จะสามารถส่งเสริมและผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ในเวทีอาเซียนได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมยินดีที่การเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้กล่าวชื่นชมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ไทยอยู่ในลำดับต้น ๆ ของภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย และเห็นว่าการดำเนินการของไทยมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะในด้านดิจิทัล (Digitalization) โดยธนาคารโลกพร้อมให้คำแนะนำกับไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศและภูมิภาคให้เข้มแข็งไปพร้อม ๆ กัน