กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.65-32.00 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.74 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่าตามเงินหยวน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 7.6 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 1.4 หมื่นล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะเฝ้าติดตามรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป แม้ล่าสุดประธานเฟดกล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากสงครามการค้าต่อนโยบายการเงิน ขณะที่บรรยากาศการลงทุนมีแนวโน้มผันผวนตามกระแสข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปเช่นกัน
ทั้งนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มรุนแรงมากขึ้นหลังจีนตอบโต้ว่าจะปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลงทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นักลงทุนกลับเข้าถือครองดอลลาร์อีกครั้งหลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ล้มเหลว
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2562 เติบโต 2.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่สภาพัฒน์ฯ ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของจีดีพีปี 2562 เป็น 3.3-3.8% จากเดิม 3.5-4.5% และมองว่ามูลค่าส่งออกจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2% ส่วนผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ยอมรับก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าที่ ธปท.คาดไว้เดิมที่ 3.8% หลังการกีดกันการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ กระทบการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน ขณะที่มูลค่าการค้าที่ชะลอลงอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน
ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ธปท.มองว่าสะท้อนปัจจัยภายนอก อาทิ มาตรการกีดกันทางการค้าและการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยไม่ได้มีนโยบายบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยจะเข้าไปดูแลเฉพาะช่วงที่มีความผันผวนสูง และระบุถึงข่าวที่ว่าไทยอาจจะติดรายชื่อในบัญชีของประเทศที่จะมีการติดตามของสหรัฐฯ เป็นเพราะไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงไม่ได้เป็นผลของการแทรกแซงค่าเงินบาท