นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) นัดพิเศษว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก และช่วงที่ผ่านมาอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง แม้จะผ่านมาแล้ว 5 เดือนแต่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ทำให้ภาคเอกชนยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูรัฐบาลใหม่ แต่ก็หวังว่าจะมีความชัดเจนทางการเมืองในเวลาอีกไม่นานนัก และหากการเมืองดี เศรษฐกิจก็ดีขึ้น
นายสมคิด ระบุว่า ในขณะนี้ทุกฝ่ายก็อยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ซึ่งต้องมีการพูดคุยเจรจากันให้เข้าใจกัน พร้อมยังปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่ตนเองจะกลับมารับตำแหน่งในรัฐบาลหน้า โดยกล่าวว่า ไม่มีใครรู้ เป็นเพียงการแต่งตั้งกันเองเท่านั้นและในขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
"จริงๆเรามาอยู่ในจุดที่เรามาไกลมากแล้วนะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ก็อย่าให้ทุกอย่างที่สร้างถดถอยลงไปมันน่าเสียดาย มองไปข้างหน้าและร่วมมือกัน ประชาชนจะได้ไม่เบื่อ"นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจะช่วยงานด้านเศรษฐกิจต่อหรือไม่นั้น นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องทีหลัง ต้องรอให้เกิดความชัดเจนในเรื่อง ครม.ก่อนว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องตัวบุคคลอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญมองว่าอยู่ที่ความต่อเนื่องในเรื่องนโยบายที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อมากกว่า
ส่วนการประชุมกรอ. วันนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือถึงผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน แต่ทางภาคเอกชนฝากให้รัฐบาลเร่งสร้างบุคคลากร เพื่อรองรับงานในอนาคต ซึ่งได้มอบหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องมีการหารือร่วมกับภาคเอกชน จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเพิ่มกำลังคนให้เหมาะสมกับงาน
"ได้รับคำยืนยันจากภาคเอกชนพร้อมร่วมมือกับรัฐบาล และทางรัฐบาลได้ขอบคุณภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และอยากเห็นความร่วมมือจากภาคเอกชนตลอดไป"
นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือทางการเมืองกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากการประชุมกรอ.แต่อย่างใด