นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ จะมีการรายงานความคืบหน้าการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปริมาณไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีกครั้ง หลังจากที่การประชุมกบง.เมื่อสัปดาห์ก่อนยังไม่อนุมัติผลการประมูลจัดหา LNG ดังกล่าว เนื่องจากกังวลต่อปริมาณการนำเข้า LNG ในปี 63 ที่อาจจะมากเกินไปหลังจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากในส่วนของกฟผ. ขณะที่ยังมีสัญญาซื้อขายระยะยาวของบมจ.ปตท. (PTT) ที่มีอยู่ราว 5.2 ล้านตัน/ปี อาจจะทำให้เกิดภาระ Take-or-Pay ตามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลจากการไม่สามารถรับก๊าซฯได้ครบตามปริมาณขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในสัญญา แต่จะต้องชำระค่าก๊าซฯในส่วนที่ไม่ได้รับด้วย
ดังนั้น จึงได้ให้กฟผ.กลับมารายงานถึงการปรับสมดุลทั้งปริมาณนำเข้าของ ปตท.และ กฟผ. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา Take-or-Pay ซึ่งในการประชุมกบง.ครั้งนี้ กฟผ. จะต้องมีคำตอบว่าจะนำเข้าอย่างไร โดยเฉพาะในปี 63 เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเบื้องต้นคงไม่จำเป็นต้องเลื่อนการนำเข้าออกไป แต่อาจเข้ามาพิจารณาด้านปริมาณการนำเข้าที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้นำเข้าไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี
สำหรับความคืบหน้าการเปลี่ยนเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ของบมจ.เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย (NPS) ที่ได้ขอเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยมั่นใจว่านอกจากจะส่งผลดีด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังทำให้ราคาต้นทุนค่าไฟถูกลงด้วย อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้า NPS มีความสำคัญ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ต้องมีความมั่นคงด้านพลังงาน
อนึ่ง โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน NPS เป็นของกลุ่มบมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) โดยเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 540 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งอยู่บริเวณตำบลเขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดยเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า IPP เมื่อปี 50 ที่จะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในระยะแรก 270 เมกะวัตต์ ในปี 59 และระยะที่ 2 อีก 270 เมกะวัตต์ ในปี 60 นั้น แต่ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไม่ทันตามกำหนด เพราะถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่