นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบสถานประกอบการสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของถิ่นกำเนิดสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ และหากพบว่าสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้ถิ่นกำเนิดไทยก็จะประสานกับศุลกากรสหรัฐฯ และดำเนินการกับผู้ประกอบการไทยที่กระทำไม่ถูกต้อง เพราะกรมฯ ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ และป้องกันผลกระทบกับผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าได้ถูกต้องตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่จะไม่ถูกสหรัฐฯ ขยายมาตรการทางการค้า และสามารถส่งสินค้าไปเจาะตลาดสหรัฐฯ แทนสินค้าจากจีนที่ถูกใช้มาตรการทางการค้าได้เพิ่มมากขึ้น
"การดำเนินการอย่างเข้มงวดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งล่าสุดจากเดิม 10% เป็น 25% มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้สินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับกำแพงภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 5,700 รายการ และอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการนำสินค้าจีนเข้ามาในไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ โดยใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไทย หรือใช้ไทยเป็นฐานหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า กรมฯ จึงได้เตรียมความพร้อมในการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ขยายการใช้มาตรการทางการค้าต่อผู้ส่งออกไทย" นายอดุลย์ กล่าว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขี้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559-2561 มีมูลค่า 24,487 ล้านเหรียญสหรัฐ 26,529 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 26,594 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ และล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2562 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ 8,783 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีมูลค่า 6,637 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และกลุ่มสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า ยาง แทรกเตอร์ และไข่มุก