กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.60-31.95 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.86 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การซื้อขายค่อนข้างผันผวนตามกระแสข่าวสงครามการค้าและการคาดการณ์ของตลาดที่มีต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.9 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการซึ่งออกมาอ่อนแอกว่าคาด
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ และข้อพิพาททางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงประเด็น Brexit หลังนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ประกาศจะลงจากตำแหน่งในวันที่ 7 มิถุนายน และมีแนวโน้มว่าผู้นำคนใหม่จากพรรคอนุรักษ์นิยมจะผลักดันให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) แบบไม่ประนีประนอม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดข้อขัดแย้งกับอียูมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความผันผวนให้กับค่าเงินปอนด์ในระยะต่อไป
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนเมษายนปรับลดลง 2.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดนำเข้าลดลง 0.72% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 1.46 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งไทยเป็นห่วงโซ่การผลิตของจีนยังคงได้รับผลกระทบเชิงลบ ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ชะลอตัว โดยตลาดจีนลดลง 5% แต่การส่งออกไปสหรัฐฯ กลับมาขยายตัว 4.7% จากโอกาสการทดแทนจีนไปสหรัฐฯ ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าจีดีพีไตรมาสแรกที่เติบโต 2.8% ใกล้เคียงกับที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินไว้และเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาด ส่วนรายงานการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ประเมินว่าความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่สูงขึ้นมีนัยต่อแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม และการพิจารณาใช้ดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่เหมาะสมยังจำเป็นสำหรับการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต
อนึ่ง ภาพทางการเมืองที่ล่าสุดเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นทำให้เราคาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้ามาในสินทรัพย์สกุลเงินบาทได้บ้างในระยะนี้