ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งแกร่ง แม้ดัชนีภาคบริการสหรัฐอ่อนแอ

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เงินปอนด์ และเงินเยน แม้สหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีก็ตาม
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.4652 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4823 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.9639 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.9737 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 106.92 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 106.75 เยนต่อดอลลาร์
          นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0994 ฟรังซ์สวิสต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0882 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0079 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 99.35 เซนต์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ
          สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ในเดือนม.ค. ร่วงลงสู่ระดับ 41.9 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2546 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
          ดัชนีที่ระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัว และดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคบริการชะลอตัวลงอย่างมาก
          นายไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ออฟนิวยอร์กกล่าวว่า "ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงและตลาดหุ้นซบเซาลงนั้น นักลงทุนอาจมองว่าสกุลเงินดอลลาร์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในการลงทุน"
          นักลงทุนจับตาดูการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งจะประชุมในวันเดียวกันคือวันพฤหัสบดีนี้ โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของยุโรปยืนอยู่ที่ระดับ 4% และอังกฤษอยู่ที่ระดับ 5.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐที่ระดับ 3%
          ด้านนายเจมส์ ฮิวจ์ นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางยุโรปอาจใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินและมีความเป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในที่สุด เนื่องจากดัชนีภาคบริการในยุโรปร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี"
          "หากท้ายที่สุดแล้วธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ ผมคาดว่าค่าเงินยูโรจะดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1.45 ดอลลาร์ต่อยูโร อย่างแน่นอน" นายฮิวจ์กล่าว