นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยังคงเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้ว ที่ส่งออกได้ 11.09 ล้านตัน แต่แม้ว่าปริมาณการส่งออกจะลดลง แต่มูลค่าการส่งออกจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มูลค่า 180,000 ล้านบาท เพราะส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยไม่ได้ลด และข้าวหลายชนิดมีราคาดีขึ้น
"ที่ยังคงเป้าหมายการส่งออกข้าวไว้ที่ 10 ล้านตัน เพราะมองว่าปัญหาสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคข้าว อีกทั้งยังมีปัญหาภัยแล้งจากเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตข้าวของหลายประเทศลดลง จึงเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวของไทย และไทยยังได้พัฒนาการผลิตข้าวโดยใช้นวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ทำให้ข้าวไทยมีความหลากหลาย สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโลกได้"นายบุญยฤทธิ์กล่าว
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดว่า ทั้งปี 62 จะส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน เป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย ที่คาดว่าจะส่งออกได้ 10.5 ล้านตัน ส่วนเวียดนามคาดว่าจะส่งออกได้ 6.5 ล้านตัน โดยในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 800,000 ตัน
นายชูเกียรติ กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้ส่งผลให้กำลังซื้อของประเทศต่างๆ ลดลง ทำให้หลายประเทศหันไปซื้อข้าวจากประเทศผู้ผลิตอื่น ที่มีราคาถูกกว่า เช่น เวียดนาม ที่ข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 365 เหรียญสหรัฐฯ แต่ของไทยตันละ 385-390 เหรียญฯ นอกจากนี้ ข้าวไทยยังมีราคาแพงกว่าคู่แข่ง จากปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลให้อยู่ในระดับ 32 บาทต่อเหรียญฯ เพราะหากแข็งค่ามากกว่านี้ ข้าวไทยจะแข่งขันได้ลำบาก
ส่วนร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะมาจากพรรคการเมืองใด ควรจะเดินหน้านโยบายการใช้ตลาดนำการผลิต และไม่ควรกำหนดนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อกลไกตลาด รวมทั้งต้องเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ทั้งผู้ส่งออก โรงสี และชาวนาได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อการกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวของไทยทั้งระบบ