รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ระยะเวลาสัมปทาน 20 ปี ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เสนอ
โดยคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 เห็นสมควรให้ กิจการ ร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) เป็นผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง โดยมีอายุสัญญาร่วมลงทุนเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่วันลงนามในสัญญาร่วมลงทุน ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนจากพื้นที่ 607,344 ตารางเมตร แบ่งเป็น ปีที่ 1-5 เท่ากับ 67 บาท/ตารางเมตร/เดือน, ปีที่ 6-10 เท่ากับ 71 บาท/ตารางเมตร/เดือน, ปีที่ 11-15 เท่ากับ 74 บาท/ตารางเมตร/เดือน, ปีที่ 16-20 เท่ากับ 78 บาท/ตารางเมตร/เดือน
รวมถึงผลประโยชน์ที่ภาครัฐให้ผู้ร่วมลงทุนปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์และดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในพื้นที่ทั้งหมดแทน ซึ่งผู้ร่วมลงทุนมีแผนการลงทุนตลอดอายุสัญญามีมูลค่ารวม 4,052 ล้านบาท ตลอดจนการสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้วยการปรับเปลี่ยนการขนส่ง (Shift Mode) ให้ขนส่งทางรางเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยกว่า 50% ในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรที่หนาแน่นและลดปัญหาการปล่อยควันพิษบนท้องถนนระหว่างเส้นทางการขนส่งตู้สินค้าระหว่าง ไอซีดี ลาดกระบัง กับ ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนา ศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator : SRTO)ที่ท่าเรือแหลมฉบังอีกด้วย ในส่วนของผู้ใช้บริการจะได้ประโยชน์จากอัตราค่าใช้บริการที่ถูกลงเป็นไปตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการลดต้นทุนโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการนำเข้า – ส่งออกสินค้าของประเทศ