นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 - เม.ย.62) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,345,774 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 43,761 ล้านบาท หรือ 3.4% และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 35,378 ล้านบาท หรือ 2.7%
โดยเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นที่สูงกว่าประมาณการ 34,770 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.5% การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร สูงกว่าประมาณการ 22,235 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.4% การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการ 20,986 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.7% รวมถึงการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการ 6,026 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.3%
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคาดการณ์รายได้รัฐบาลสุทธิที่กระทรวงการคลังได้จัดทำสำหรับการติดตามและประเมินสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ (คาดการณ์ ณ เดือนมีนาคม 2562) โดยพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวแปรที่ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลพบว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 สูงกว่าคาดการณ์จำนวน 11,777 ล้านบาท หรือ 0.9% โดยการจัดเก็บรายได้ทุกหน่วยงานใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้
"สำหรับในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ กระทรวงการคลังจะติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" โฆษกกระทรวงการคลังระบุ
นายลวรณ ยังกล่าวถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,336,783 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,956,666 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 236,778 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 263,956 ล้านบาท