กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.50 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.37 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยระหว่างสัปดาห์ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 เดือน
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท และ 4.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยลดลงค่อนข้างแรงตามตลาดสหรัฐฯและกระแสเงินทุนไหลเข้า ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมปรับดอกเบี้ยหากจำเป็น
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อ และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและการเติบโตของค่าจ้างเดือนพฤษภาคมที่ต่ำกว่าคาด ได้ตอกย้ำมุมมองของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมินไว้ โดยนักลงทุนคาดว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดอาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฏาคม
นอกจากนี้ การประกาศยกเลิกแผนขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่จะเก็บจากสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก มีแนวโน้มช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และสกุลเงินตลาดเกิดใหม่อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ดี ทิศทางความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าจะตัดสินใจเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสินค้าจีนมูลค่าอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์หรือไม่ หลังจากการประชุมผู้นำของกลุ่มจี-20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 มิถุนายน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเมษายน เป็นผลจากภาคการผลิตเป็นสำคัญ โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศ นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง ท่ามกลางเศรษฐกิจการค้าโลกที่เปราะบางและมีความไม่แน่นอนสูง
"เราคาดว่าในระยะนี้ ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับการจัดทัพทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อประเมินมาตรการประคับประคองโมเมนตัมการเติบโตต่อไป"