หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงภาคธุรกิจบริการที่อาจเผชิญภาวะซบเซาทั้งในสหรัฐและในทวีปยุโรปนั้นได้จุดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
รายงานระบุว่า ดัชนีชี้วัดความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจในสหรัฐอเมริการ่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนต.ค.2544 ซึ่งบ่งชี้ว่าธุรกิจดังกล่าวกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ขณะที่ดัชนีชี้วัดภาคธุรกิจบริการในยุโรปก็ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีเช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอยิ่งตอกย้ำถึงความหวั่นวิตกต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่อาจเรียกได้เช่นนั้น แต่นักวิเคราะห์ก็ยังหวั่นวิตกว่าจะต้องเผชิญภาวะดังกล่าวในที่สุด เนื่องจากพวกเขามองว่าภาคธุรกิจบริการเป็นเสมือนปราการด่านสุดท้ายที่โอบอุ้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถาบันจัดการอุปทานเปิดเผยว่า ดัชนีนอกภาคการผลิต ซึ่งอ้างอิงจากผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคธุรกิจบริการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 41.9 ในเดือนม.ค.จากระดับ 54.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวร่วงลงหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวได้ตอกย้ำให้เกิดกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5% ในที่ประชุมวันที่ 18 มี.ค.นี้ จากระดับปัจจุบันที่ 3.0% และยังมีความเป็นไปได้ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยก่อนที่จะเข้าประชุมตามกำหนดการดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--