นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงที่ผ่านมาว่า มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สคร.ได้เร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ยังมีการเบิกจ่ายล่าช้า โดยเฉพาะการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากความล่าช้าต่อเนื่องของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. จากความล่าช้าของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560)
"หลังจากติดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะขนาดใหญ่ที่ทำได้ล่าช้า สคร.จึงติดตามอย่างใกล้ชิดทุกเดือน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีการเบิกจ่ายได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งเร่งการลงทุนโครงการในอนาคตให้เริ่มลงทุนได้เลยสำหรับโครงการที่มีความพร้อมแล้ว ซึ่งจะมีการรายงานตัวเลขการเบิกจ่ายในสัปดาห์หน้า" ผู้อำนวยการ สคร.กล่าว
นายประภาศ ได้กล่าวในงานสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 ซึ่งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 พ.ค.62 ว่า กฎหมายดังกล่าว มีการกำหนดแผนและเป้าหมาย นโยบาย รวมถึงทิศทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจไทยในภาพรวมทั้งระบบ ในช่วง 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อเป็นอีกกลไกสำคัญในการช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในรายละเอียดจะมีการกำหนดเกี่ยวกับบทบาทของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ที่จะต้องสอดคล้องและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และทิศทางการลงทุน ฐานะการเงินที่จะต้องมีความเข้มแข็ง การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้การทำธุรกิจอยู่รอดได้ในยุคปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดจะต้องตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
"แต่ละแผนงานของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง จะถูกวาง เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจให้มีเป้าหมายการทำงานที่เป็นเอกภาพ นำไปสู่การตอบโจทย์ในการพัฒนาและยกระดับการแข่งขันของประเทศ โดยเมื่อมีการเชื่อมโยงกันทั้งหมดจนกลายเป็นกลไกแล้ว แผนดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดในการพิจารณาและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจไทย" นายประภาศ กล่าว