ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.24 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งรับยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาดี จับตาผลประชุมเฟดกลางสัปดาห์-การจัดตั้งครม.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 17, 2019 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.24 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.16 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดค้าปลีกและยอดการผลิต ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่ออกมาดี

"บาทอ่อนค่าจากเมื่อเย็นวันศุกร์เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า หลังยอดค้าปลีกและยอดการผลิตภาคอุตสาหกรรมออกมาดี" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์

ตลาดจับตาดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18- 19 มิ.ย.นี้ และความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)

THAI BAHT FIX 3M (14 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.68846% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.59671%

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 108.59 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 180.20 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1216 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1267 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.1990 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย มองว่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์นี้ (17-21 มิถุนายน)จะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นในกรอบ 31.00-
31.40 นักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนตามผลการประชุม
นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่อาจส่งสัญญาณ
การผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน ด้าน เอเชีย ตลาดคาดว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางฟิลิปปินส์จะปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดจะรอติดตามผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมในสหราชอาณาจักร ด้านปัจจัยในประเทศ การส่งออกไทยเดือน พฤษภาคมมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากผลกระทบของนโยบายกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การที่งบประมาณปี 63 ออกล่าช้าไป 3 เดือน จากเดิม
ต.ค.62 เป็น ม.ค.63 ทำให้ไม่มีเม็ดเงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 63
ได้รับผลกระทบราว 70,000-80,000 ล้านบาท ดังนั้น สศค.จึงต้องหาวิธีมาชดเชยเม็ดเงินในเศรษฐกิจที่สูญเสียไป คือ การเร่งรัดการ
เบิกจ่ายงบประจำปี

ทั้งนี้ ปี 63 สศค.จะยังคงกรอบงบประมาณไว้ที่ 3.2 ล้านล้านบาทตามเดิม แต่อาจมีการเปลี่ยนไส้ในหรือนโยบายต่างๆ หลัง รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารแล้ว

  • ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่าการลงทุนตลาดทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่อง
จากความกังวลของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ลง 2 ครั้ง ช่วงเดือน ก.ย. และ ธ.ค. 62 ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนเข้ามาลงทุนในตลาด
ทองคำต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่ายังเป็นสินทรัพย์ที่มีพื้นฐานที่ดีและปลอดภัย
  • ส.อ.ท.แนะอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคมปรับตัวรับมือ 'สึนามิเทคโนโลยี' ที่เริ่มส่งผลกระทบส่ง
ออกของไทยลดลงในหลายตลาดทั่วโลก แนะพัฒนาให้สินค้าประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามกระแสนิยม
  • หอการค้าไทย ชงรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ จี้คุมธนาคารพาณิชย์คิดดอกเบี้ยเงินกู้รายเล็ก-ใหญ่เท่า
กัน ทบทวนภาษีที่ดินใหม่ และประกันรายได้เกษตรกรเพื่อความมั่งคั่ง
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่ม
ขึ้น 0.6% และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ค.
  • รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของ
จีน อาจจะไม่มีการทำข้อตกลงการค้าร่วมกันในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่ญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ