นายศักดิ์ชัย ลีสวรรค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ กล่าวว่า สถานการณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ในปัจจุบันมีปริมาณการใช้งานลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาจำหน่ายได้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจ NGV ต้องประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก และทำให้มีการปิดสถานีบริการก๊าซธรรมชาติไปแล้วจำนวน 60 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่ 500 แห่ง
ประกอบกับนโยบายภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีนโยบายที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ ผู้ทำการค้าเกี่ยวก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยจึงได้รวมตัวกัน จัดตั้งสมาคมการค้าผู้ประกอบการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันให้ภาครัฐสนับสนุนภาคขนส่งและประชาชนให้ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ที่มีราคาถูก และต้องเป็นพลังงานพื้นฐานของไทย เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด
ทั้งนี้ สมาคมฯเตรียมยื่นหนังสือต่อภาครัฐให้มีการควบคุมราคาก๊าซ NGV จากปัจจุบันที่มีราคาอยู่ที่ 15.94 บาท/กิโลกรัม ซึ่งมีความต้องการให้ราคาดังกล่าวอยู่ในระดับ 50% ของราคาน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 25 บาท/ลิตร จากเดิมที่ราคาก๊าซ NGV ปรับตัวขึ้นไปกว่า 70-80% ของราคาน้ำมันดีเซลแล้ว โดยมีเป้าหมายให้เริ่มต้นชดเชยที่ 2 บาท/กิโลกรัมก่อน
"ในวันนี้ราคาก๊าซ NGV ได้ถูกปล่อยไปตามกลไกของตลาด ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลถูกควบคุมราคา จึงไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาด พวกเราจึงจัดตั้งสมาคมฯ ขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ให้กับภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน โดยทางสมาคมฯ เตรียมที่จะยื่นหนังสือต่อภาครัฐให้มีการควบคุมราคา เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่สมบูรณ์ของสินค้าในกลุ่มเดียวกัน"
อย่างไรก็ตามข้อเสนอดังกล่าว ทางสมาคมฯ ต้องการเห็นผลในทันที หรือภายในเดือนก.ค.62 แต่หากภาครัฐยังคิดหามาตรการสนับสนุนไม่ได้ ทางสมาคมฯ ก็ต้องการให้ภาครัฐตรึงราคาก๊าซธรรมชาติ NGV ไว้ในระดับปัจจุบันที่ 15.94 บาท/กิโลกรัม
นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า สมาคมฯยังจะนำเสนอมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การลดภาษีนำเข้าของรถบรรทุกก๊าซธรรมชาติ ให้ราคาถูกลงเทียบเท่ากับรถบรรทุกดีเซล เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการใช้ NGV เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายปริมาณการใช้ NGV ในปีนี้จะเติบโต 20% เป็น 6,600 ตัน/วัน จากไตรมาส 1/62 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5,500 ตัน/วัน และมีปริมาณการใช้ในช่วงสูงสุดที่ 9,000 ตัน/วัน โดยมีการใช้ในรถบรรทุกและรถยนต์ คิดเป็นไม่เกิน 10% ของการใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ส่วนที่เหลือนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในประเทศ
ด้านนายจักรพงส์ สุมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) กล่าวว่า ทางสมาคมฯ มีเป้าหมายที่จะทำหนังสือไปยังสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ให้กลับมาดูในเรื่องของ NGV และหามาตรการสนับสนุน โดยเสนอให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
"วิธีการในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนยังไม่ได้สรุป แต่เงินชดเชยเราอยากตั้งหลักที่ 2 บาท/กิโลกรัมก่อน แล้วค่อยเป็นไปตามเป้าหมาย 50% ของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องบูรณาการร่วมกันหลายส่วน ทั้งแผนการจัดเก็บภาษี สนับสนุนราคาน้ำมันดีเซล แผนการจัดเก็บภาษี NGV และการชดเชยราคาก๊าซ NGV"
นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) กล่าวว่า บริษัทร่วมกับพันธมิตรจัดตั้งสมาคมฯขึ้นมา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการประกอบการธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้แข็งแกร่งและมีจุดยืนที่สำคัญในประเทศไทย เพราะก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศที่จะสามารถสนับสนุนให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านคมนาคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5 และจะช่วยกันผลักดันให้ NGV เป็นเชื้อเพลิงแห่งชาติ มีบทบาทมากขึ้นในทุกๆ ภาคส่วน
อนึ่ง การจัดตั้งสมาคมการค้าผู้ประกอบการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการในทุกสายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุน ผลักดันการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมี บมจ. สากล เอนเนอยี (SKE) , บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) , บจ. วินเนอร์ยี่, บจ.สระบุรีทรัคเซลล์, บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) , บมจ.ช ทวี (CHO) , ห้างหุ้นส่วนจำกัด แปลงยาวเอนเนอร์ยี และ บมจ.สยามราช (SR) เป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้