นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรทดลองเปิดด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ให้ทำการตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมเปิดเวลา 05.00 น. และปิดเวลา 23.00 น. (เวลาท้องถิ่นไทย) โดยจะมีระยะเวลาทดลอง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. -16 ก.ย.62 และจะครอบคลุมเฉพาะการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ และประเภทรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถพ่วง โดยจำกัดจำนวนคนบนรถเพียง 2 คน คือ คนขับรถและผู้ช่วยคนขับรถ ตามมติ ครม. ลงวันที่ 14 พ.ค.62 และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การขยายเวลาทำการจุดผ่านแดนถาวรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา สำหรับกรณีการขนส่งสินค้าเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2562
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม จะส่งผลให้ปริมาณการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนขยายตัว เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำให้ผู้ประกอบการสามารถส่งสินค้าไปยังปลายทางได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย
นอกจากนี้ สินค้าที่ขนส่งผ่านด่านสะเดาไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่ส่งไปยังมาเลเซีย แต่ส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังท่าเรือปีนัง เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สามทั้งในและนอกภูมิภาค การย่นระยะเวลาในการขนส่งย่อมช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการ และความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติด้วย
สำหรับประชาชนในพื้นที่ ก็สามารถขยายช่วงเวลาในการประกอบธุรกิจหรือประเภทกิจการ ออกไปให้ครอบคลุมในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การบริการ การซ่อมบำรุงยานยนต์ทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และมีรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น นอกจากนี้ หากมองเศรษฐกิจภาพรวม เศรษฐกิจภาคใต้ของไทยจะได้รับการทดลองขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา -บูกิตกายูฮิตัมเป็น 24 ชั่วโมง เนื่องจากสามารถส่งออกสินค้าไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งสินค้าประเทศที่สามได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องประสบปัญหาการจราจรคับคั่งเช่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ การเปิดด่านศุลกากรสะเดาฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมจากการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24-25 ตุลาคม 2561 และสะท้อนถึงความร่วมมืออย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ภาคใต้ของไทยและรัฐทางภาคเหนือของมาเลเซีย เพื่อให้เกิดความเจริญ ความสงบสุขและเสริมสร้างความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยด้วย ยังถือเป็นครั้งแรกในความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการอำนวยความสะดวกแก่การขนส่งข้ามพรมแดน แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยจะกลายเป็นต้นแบบในการพัฒนาความเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ต่อไป
นายกฤษฎา ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าว จะอยู่ภายใต้การติดตามและประเมินผลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ได้แต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานยุทธศาสตร์ความมั่นคง กิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานจังหวัดสงขลา
สำหรับด่านด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็นหนึ่งใน 10 ด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซียที่สำคัญ โดยปี 2561 การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย มีมูลค่า 571,927 ล้านบาท คิดเป็น 50.85% ของมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) โดยด่านศุลกากรสะเดา เป็นด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงที่สุดในบรรดาด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซียทั้งหมด
ในปี 2561 มีมูลค่าการค้าทั้งสิ้น 376,892 ล้านบาท (ส่งออก 172,317 ล้านบาท และนำเข้า 204,574 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 65.89% ของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย และ 33.51% ของมูลค่าการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวนรถบรรทุกสินค้าเข้า-ออก 456,770 คัน จำนวนรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารเข้า-ออก 475,732 คัน และจำนวนนักท่องเที่ยวเข้า-ออก 5,064,564 คน สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยที่ผ่านด่านสะเดา ได้แก่ ยางธรรมชาติ เครื่องประมวลผลข้อมูล ส่วนประกอบเครื่องจักร เครื่องสันดาปภายใน และสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องประมวลผลข้อมูล อุปกรณ์เกี่ยวกับการบันทึกเสียง ส่วนประกอบเครื่องจักร เครื่องยนต์สันดาป