นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสเปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากที่เฟดได้ใช้ยาแรงด้วยการกระหน่ำหั่นดอกเบี้ยลงอย่างหนักตั้งแต่ช่วงต้นปี
นายฟิชเชอร์ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กในเม็กซิโก ซิตี้ว่า "การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เรายังคงต้องเผชิญกับภาวะการชะลอตัวไปอีกประมาณครึ่งปี"
คำกล่าวของนายฟิชเชอร์สะท้อนให้เห็นถึงการออกเสียงคัดค้านการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.50% ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0% ในที่ประชุมกำหนดนโยบายของเฟดเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ลดดอกเบี้ยฉุกเฉินไปในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยนายฟิชเชอร์กล่าวว่า นโยบายการเงินส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจซบเซา ดังนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายจึงต้องพิจารณาถึงผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ควบคู่ไปกับการจับตาภาวะเงินเฟ้อ
"นโยบายทางการเงินก็ไม่ต่างอะไรกับเตกีล่า ที่ต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะออกฤทธิ์ เช่นเดียวกับนโยบายการเงินในเชิงเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลายาวนานถึงจะเห็นผล" นายฟิชเชอร์กล่าว
ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดล่วงหน้าคาดการณ์ว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1.0% หลังจากที่ได้ลดดอกเบี้ยไปแล้วถึง 1.25% มาอยู่ที่ 3.0% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับลดอกเบี้ยเร็วที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้มีการกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในปี 2533
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--