น.ส.นงเยาว์ ก่อการรวด ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 7 (พิษณุโลก) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 7 (พิษณุโลก) เตรียมจัดกิจกรรมช่วงครึ่งปีหลังในเดือนส.ค. 62 โดยจะเน้นอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าทางการเกษตรที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งนำพลังงานทดแทนมาใช้แปรรูป และธุรกิจศูนย์กระจายสินค้า ผ่านโครงการศึกษาลู่ทางการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกตามเส้นทาง จังหวัดสระบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และระยอง เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยการศึกษางานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของศูนย์รถยนต์โตโยต้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และดูงานการผลิตพลังงานทดแทนรูปแบบโซล่าร์เซลล์ลอยน้ำของบริษัท เอสซีจี จังหวัดระยอง เป็นต้น
นอกจากนี้ ทางบีโอไอพิษณุโลกยังเตรียมจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มเกษตรแปรรูปเน้นการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก โดยร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรม หอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ และกลุ่มคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2562 ณ จังหวัดอุตรดิตถ์
น.ส.นงเยาว์ กล่าวว่า เนื่องจากธุรกิจเอสเอ็มอีมีความสำคัญอย่างมากในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัว โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ก็พร้อมเรียนรู้และปรับตัวรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เห็นได้จากการจัดโครงการศึกษาลู่ทางการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคอีสานและภาคเหนือ สู่การพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เส้นทางกรุงเทพฯ ขอนแก่น มุกดาหาร นครพนม นำคณะผู้ประกอบการสำรวจเส้นทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหารและนครพนม และเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 4-7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มจะเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน สปป.ลาว
"หลังเยี่ยมชมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหารและนครพนมแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสนใจลงทุนในกิจการศูนย์กระจายสินค้าและห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์สำหรับตรวจพืชผักและผลไม้ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเกษตรแปรรูป แต่ธุรกิจดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด" น.ส.นงเยาว์ กล่าว