นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัท ริโอ ทินโต ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก จะทำกำไรได้ลดลงเหลือ 7.1 พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2550 ขณะที่ปี 2549 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 7.4 พันล้านดอลลาร์
ริโอ ทินโต มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขกำไรปี 2550 ในวันพุธที่ 13 ก.พ.นี้
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ตัวเลขกำไรปี 2550 นั้น แสดงให้เห็นถึงภาวะกดดันด้านต้นทุนที่คู่แข่งอย่างบีเอชพี บิลลิตัน ต้องเผชิญเช่นกัน โดยบีเอชพีได้รายงานผลกำไรสุทธิช่วงปี 2550 ว่า ร่วงลง 2.4% สู่ระดับ 6.017 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนที่พลิกผันที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
กำไรในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ของริโอทินโต ตกลง 14% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 3.25 พันล้านดอลลาร์
ตัวเลขกำไรที่ลดลงดังกล่าวนั้นมาจากการดำเนินงานที่ย่ำแย่ลงของบริษัท โคล แอนด์ อัลไลด์ อินดัสทรี ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน ที่บริษัทริโอ ทินโตถือหุ้นอยู่ 75% ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน เนื่องจากปัญหาด้านการขนส่งที่เกิดขึ้นที่เครือข่ายรถไฟและท่าเรือจนทำให้การดำเนินงานที่เหมืองในฮันเทอร์ วัลเลย์ของออสเตรเลียต้องติดขัด
อย่างไรก็ดี ริโอทินโตยังได้แรงหนุนในช่วงครึ่งปีหลังจากการรวมผลประกอบการของบริษัทเหมืองของแคนาดาอย่างอัลแคนเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ภายหลังจากที่ได้ซื้อกิจการของบริษัทอลูมิเนียมของแคนาดาไป 3.81 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--