นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ธปท.จะเข้าชี้แจงความจำเป็นในการใช้มาตรการกันสำรอง 30% เงินทุนระยะสั้นต่อ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เนื่องจากมีตัวเลขสำคัญบางตัวที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะจะได้รับผลกระทบหากยกเลิกมาตรการฯ
“เราคงต้องชี้แจงคลัง ถึงเหตุผลอะไรที่ยังคงมาตรการฯไว้ และเลิกแล้วเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลเสียอะไร โดยเฉพาะตัวเลขสำคัญบางตัว ซึ่งเมื่อได้คุยแล้วคิดว่ารัฐมนตรีคงเข้าใจความจำเป็นต้องมีมาตรการฯ" นางผ่องเพ็ญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้มาตรการฯ แม้จะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า แต่ยังอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค และการแข็งค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับกลาง เนื่องจากเทียบบางกลุ่มแม้บาทแข็งค่า แต่เทียบกับอีกสกุลบาทอ่อนค่ากว่า
ขณะเดียวกันการใช้มาตราการยังสร้างความสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายในประเทศและสกัดเงินทุนที่ไม่ต้องการโดยเฉพาะเงินเก็งกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางผ่องเพ็ญ ยืนยันว่า มาตรการกันสำรองเงินทุนระยะสั้น 30% ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่เข้ากฎการกันสำรองเงินทุนตั้งแต่ต้น ปัจจุบันเงินทุนทั้ง2 ประเภทยังไหลเข้าไทยปกติ ดังนั้น จึงไม่ใช่ประเด็นที่ควรจะเอามาอ้างเพื่อยกเลิกมาตรการฯ
ในช่วงที่ผ่านมาแม้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแต่ผู้ประกอบการส่งออกไทยมีการปรับตัวรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ หากเทียบกับ 2 ปีก่อนโดยเฉพาะการทำป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน และการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดส่งออกอื่น
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--