นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีการชะลอตัวลง จากสาเหตุของการเมืองภายในประเทศที่เป็นช่วงการเลือกตั้งทั่วประเทศและยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จึงทำให้ไม่สามารถออกนโยบายได้ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อมีรัฐบาลใหม่ชัดเจน การบริหารประเทศและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ตลอดจนการลงทุนก็จะเริ่มมีมากขึ้น และเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
"ประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ดืมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ช่วงที่ผ่านมา มีปัญหาแค่การเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีความชัดเจน ซึ่งตอนนี้มีความชัดเจนแล้วเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่ากลางเดือนก.ค.จะได้รัฐบาลใหม่ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น นักลงทุนและประชาชนจึงไม่ควรกังวล" นายสมคิดกล่าว
ทั้งนี้ นายสมคิด ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อกรณีที่ภาคเอกชนมองว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่อาจยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้
นายสมคิด กล่าวในระหว่างการมอบนโยบายให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยระบุว่า ในช่วงนี้เป็นรอยต่อระหว่างรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ ดังนั้นจึงอยากให้มั่นใจว่า ธ.ก.ส.จะดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างดีโดยไม่เกิดการสะดุด ซึ่งปีนี้ ธ.ก.ส.จะต้องเตรียมพร้อมช่วยเหลือเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ขณะเดียวกันจะต้องยกระดับเกษตรกรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ ไม่ใช่เพียงการขายแต่ผลผลิตในราคาต่ำ
พร้อมกันนี้ ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยประสานงานกับ ธ.ก.ส. เพื่อร่วมกันให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นเกษตรกรให้สามารถยกระดับการผลิต และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้ได้ ซึ่งการที่ ธ.ก.ส.จะดำเนินการตามลำพังอย่างเดียวคงไม่มีพลังเพียงพอ
"ให้กรมส่งเสริมการเกษตร เข้ามาช่วยเรื่องการยกระดับสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีฐานลูกค้าอยู่ 3 แสนราย ให้สามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร แปรรูป และหาช่องทางจำหน่าย รวมทั้งจะขอความร่วมมือจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผลักดันให้สินค้าเกษตร และสตาร์ทอัพเกษตรเข้าระดมทุน ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มในอนาคตด้วย"นายสมคิด กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดตลาดวายุภักษ์รักประชาชน ธ.ก.ส. ครั้งที่ 2 ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มช่องทางในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยมีร้านค้าภายใต้การสนับสนุนของ ธ.ก.ส. และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอีก 8 แห่ง ในระหว่างวันที่ 26-28 มิ.ย.62 ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) 8 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม, บริษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จัดโครงการ "ตลาดนัดประชารัฐ วายุภักษ์รักประชาชน" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร ทายาทเกษตรกรและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าหรือเป็นช่องทางในการกระจายสินค้า เป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และกระตุ้นให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มมากขึ้น
โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยบูธจำหน่ายสินค้ากว่า 130 บูธ ที่คัดสรรสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพเกรดพรีเมี่ยมจากทั่วประเทศมาจำหน่าย อาทิ เนื้อโคขุน ผลิตภัณฑ์แปรรูปโคขุน จากสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าบ้านภูโฮมสเตย์ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย กาแฟโกปี๊ บ้านทองอิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพารา จากจังหวัดบึงกาฬ และชุมพร ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ และข้าวออร์แกนิค เป็นต้น
"ธ.ก.ส.ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมชม ชิม ช้อป สินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง ในงานตลาดนัดวายุภักษ์รักประชาชน ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน 26-28 มิถุนายน 2562 เพื่อสนับสนุนสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการจากชุมชนเกษตรกรและผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้มีโอกาสและช่องทางในการจำหน่ายสินค้าคุณภาพในราคาที่เหมาะสม" นายอภิรมย์ กล่าว