นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพร่วมกับศูนย์อาเซียน-จีน จัดประชุมสัมมนา "Tourism Seminar on China-Ready" เพื่อสร้างความเข้าใจให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียนเข้าใจวัฒนธรรมจีนและความต้องการของนักเดินทางชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวในไทยช่วงครึ่งปีแรกลดลง
ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ตเมื่อกลางปี 61 พบว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้กังวลแล้ว และไทยเองพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น สร้างมาตรฐานความปลอดภัย มีการพบปะหารือกับทางสถานทูตจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 12-13 ล้านคน ขณะที่ปี 61 นักท่องเที่ยวจีนมาไทย 10.5 ล้านคน สร้างรายได้ 5.8 แสนล้านบาท
ปัจจุบันพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่เคยมาเป็นกลุ่มใหญ่หรือมากับทัวร์ ได้เปลี่ยนรูปแบบมาเที่ยวเองกับครอบครัว โดยไม่ผ่านบริษัททัวร์ และเมื่อจองที่พัก หรือการเดินทาง จะจองผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพิ่มขึ้นมาก
นอกจากนี้ กระทรวงฯ กำลังศึกษาว่าที่ผ่านมามาตรการ Free VISA on Arrival เป็นแรงกระตุ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อใกล้เวลาที่มาตรการนี้ใกล้หมดอายุจะได้เสนอขอขยายเวลาการใช้มาตรการต่อไปอีก
"ที่ผ่านมา การใช้มาตรการ FREE VoA ได้ผลเป็นอย่างมาก เรากำลังรวบรวมตัวเลขว่ามีการใช้จ่ายโดยรวม ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน และเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้อย่างอาเซียน CLMV มากขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรากำลังเตรียมข้อมูลรอเสนอรัฐมนตรีใหม่ แต่ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะยังไม่มีรัฐมนตรีใหม่ แต่งานของกระทรวงก็ไม่สะดุดเนื่องจากรอง นายกฯ สมคิด ลงมาดูแลด้วยตัวเองและที่ผ่านมางานต่างๆก็ยังเดินหน้าต่อได้...ไม่รู้สึกว่าเป็นสูญญากาศ" นายโชติระบุ
ส่วนปัญหาสงครามการค้า และเงินบาทที่แข็งค่ามากในขณะนี้นั้น มองว่าในระยะสั้นยังไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะนักท่องเที่ยววางแผนท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าและมีการจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว แต่ก็เป็นประเด็นที่กำลังติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ครึ่งปีหลังซึ่งเป็นช่วง High Season และนักท่องเที่ยวอาจจะอยู่ระหว่างตัดสินใจหรือกำลังวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว
ส่วนภาพรวมนักท่องเที่ยวปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 40 กว่าล้านคน โดย 6 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลข ณ วันที่ 21 มิ.ย.62 มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 18.7 ล้านคน คาดว่าถึงสิ้นเดือนมิ.ย.62 จะอยู่ที่ 19 ล้านคน
ด้าน H.E. Mr.Chen Dehai เลขาธิการศูนย์อาเซียน-จีน (ASEAN China Centre: ACC) กล่าวว่า เชื่อว่าการสัมมนาในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาและการแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย เนื่องจากคนจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหญ่สำหรับประเทศไทย ถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ที่มาเยือนประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ส่วนนายชุติน แก้วนพรัตน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงทพ หนึ่งในผู้ร่วมสัมมนาในวันนี้ กล่าวว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการสอนที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวหลายสาขา เช่น การจัดการการโรงแรม การจัดการธุรกิจสายการบิน การทำอาหารและ Chef ซึ่งการมาร่วมสัมมนาทำให้ได้รับทราบพฤติกรรมและวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น และจะนำข้อมูลความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเรียนการสอนให้แก่นักศึกษา หลังพบว่าในแต่ละปีมีนักศึกษามาสมัครเรียนสาขาการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพแล้วก็ยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งที่เปิดการเรียนการสอนสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเช่นกัน ทำให้ต้องมีการปรับตัวอัพเดทข้อมูลเพื่อให้สามารถแข่งขันได้