นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียในเดือนธ.ค.ปี 2550 จะขยายตัวต่ำกว่า 10% เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางอินเดียปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
นักเศรษฐศาสตร์ 14 คนที่บลูมเบิร์ก นิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า ผลผลิตสินค้าในโรงงาน สาธารณูปโภค และเหมืองแร่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.9% จากระดับในปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้เพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนพ.ย. โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติอินเดียจะเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการรถจักรยานยนต์ เครื่องซักผ้า และสินค้าภาคการผลิตอื่นๆลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจของอินเดียซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 3 ของเอเชียชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548 ดังนั้น นายยากา เวนูโกปอล เรดดี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย อาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเนื่องจากวิตกกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ
"หากพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างอัตราการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ ก็มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้แน่ชัด" อินทรนิล ปัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกทัค มหินทรา แบงค์ ลิมิเต็ด ในมุมไบกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเรดดี้ได้ออกมาปฏิเสธการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมนโยบายของธนาคารกลางอินเดียครั้งล่าสุดที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลว่าราคาน้ำมันและอาหารที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และราคาค้าปลีกซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 4.11% เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น 57% เมื่อปีที่แล้ว
รัฐบาลอินเดียกล่าวเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจของอินเดียอาจจะขยายตัว 8.7% ในปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. ซึ่งนับเป็นสถิติขยายตัวอ่อนแอที่สุดในรอบ 3 ปี โดยเศรษฐกิจได้ขยายตัว 9.6% เมื่อปีงบประมาณที่แล้ว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--