ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์อ่อนเทียบเยน,ยูโร ขณะนลท.จับตาข้อมูลศก.ยุโรป

ข่าวต่างประเทศ Tuesday February 12, 2008 07:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนเทขายในระหว่างรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4518 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4506 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.9502 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.9455 ดอลลาร์ต่อยูโร
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 106.93 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 107.38 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.1016 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1018 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 1.0019 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0009 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายเจมส์ ฮิวจ์ นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เกตส์กล่าวว่า "นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราจับตาดูรายงานการสำรวจความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในเยอรมนีซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันอังคารที่ 12 ก.พ. โดยมีการคาดการณ์ว่าข้อมูลดังกล่าวจะออกมาเป็นลบและสะท้อนถึงภาวะซบเซาในเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในทวีปยุโรป"
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของอังกฤษซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันอังคาร โดยคาดว่าดัชนีซีพีไอครั้งล่าสุดนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่" นายฮิวจ์กล่าว
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ขยายตัวต่อไปได้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ธนาคารกลางตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยพิจารณาจากแนวโน้มด้านผลผลิตโดยรวมที่ชะลอตัวลงอย่างมากและตลาดการเงินทั่วโลกที่ยังคงผันผวน นอกจากนี้ ธนาคารคาดว่าการที่ราคาพลังงานและอาหารปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นด้วย"
รัฐมนตรีกลุ่มประเทศ G7 เตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ในปีนี้ แม้มีอัตราการขยายตัวที่ไม่รวดเร็วนักก็ตาม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ