น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง คาดว่า ภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงินการคลัง โดยเฉพาะประเด็นมาตรการสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้น ซึ่งจะมีการหารือกับผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในช่วงบ่ายวันนี้
"ผมคิดว่า ภายในสิ้นเดือนนี้จะทำภาพรวมให้ชัดเจน" น.พ.สุรพงษ์ กล่าวในรายการวิทยุเช้านี้
น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อเสนอในประเด็นมาตรการสำรอง 30% จากหลายฝ่าย ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นว่าควรจะยกเลิกและเห็นว่าไม่ควรจะยกเลิกในขณะนี้ รวมทั้งหากมีการยกเลิกใช้มาตรการดังกล่าวก็ควรจะมีมาตรการอื่น ๆมารองรับเพื่อบริหารจัดการให้เกิดเสถียรภาพต่ออัตราแลกเปลี่ยนและรักษาเสถียรภาพด้านราคาไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ย และ การเพิ่มความสะดวกในการไหลออกของเงินทุนเพื่อลงทุนต่างประเทศ ก็เป็น 2 แนวทางที่อาจนำมาเป็นมาตรการรองรับได้ นอกจากนั้น ยังมีแนวทางอื่น ๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายช่วงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในแต่ละปี , การใช้มาตรการเก็บภาษีขาออกของเงินทุนต่างประเทศที่นำเข้ามาในระยะสั้น(Exit Tax)
และ การตั้งกองทุนบริหารความมั่งคั่งแห่งชาติ(Wealth Fund) ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการบริหารทุนสำรอง และเป็นหลายประเทศได้จัดตั้งขึ้น ขณะที่ทุนสำรองของไทยมีขนาดใหญ่ขึ้นมากอย่างผิดปกติ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บาทแข็งค่าขึ้นมาก โดยในอดีต ธปท.และกระทรวงการคลัง ก็เคยร่วมกันบริหารทุนสำรอง แต่ในระยะหลังเป็นภาระหน้าที่ของ ธปท.ฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม แนวทางต่าง ๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่จะพยายามหาข้อสรุปให้ได้ภายในเดือนนี้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--