นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้มีมาตรการห้ามและลดการนำเข้าเศษพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.62 ที่เห็นชอบมาตรการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แล้วเข้ามาในประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนการนำเข้า แต่ที่ผ่านมา ได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระงับการอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ จากโรงงานที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ทำให้เหลือผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าเพียง 1 ราย เท่านั้น
"ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา มีการลดโควตาการนำเข้าของเศษพลาสติกจากหลายแสนตัน เหลือเพียง 7 หมื่นตันเท่านั้น จากข้อมูลสถิติการนำเข้าของขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันของประเทศไทย พบว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มมีแนวโน้มลดลงในปี 2562 เนื่องจากมีการควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวดจากภาครัฐ" อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ และการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีอยู่ และมีแนวโน้มที่จะนำเข้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กรมศุลกากรจึงมีมาตรการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้
1. กรมศุลกากรได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ดำเนินการติดตาม กำหนดเป้าหมายต้องสงสัยที่จะกระทำความผิดทางศุลกากร และเข้าตรวจสอบเพื่อติดตามและขยายผลอย่างต่อเนื่อง
2. สั่งการให้กอง สำนักงาน และด่านศุลกากรทุกแห่ง เข้มงวดในการตรวจสอบประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือของที่มีการสำแดงพิกัด หรือมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก เพื่อป้องกันการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงทางศุลกากร
3. กรณีที่ตรวจพบการกระทำความผิดทางศุลกากรที่เกี่ยวกับของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก กรมศุลกากรจะดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยไม่เปรียบเทียบงดการฟ้องร้องในชั้นศุลกากร
"ที่ผ่านมา มีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก พอถูกกรมศุลกากรจับได้ก็ยอมเสียค่าปรับ โดนยึดของกลางก็จบกันไป แต่ตอนนี้ กรมศุลกากรไม่ให้ยอมความในชั้นศุลกากรอีกแล้ว จะส่งฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาทันที" นายกฤษฎา กล่าว
อย่างไรก็ดี ในช่วงปีงบประมาณ 2561-2562 กรมศุลกากรสามารถจับกุมคดีลักลอบและหลีกเลี่ยงนำเข้าเศษพลาสติกได้ทั้งสิ้น 103 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 17.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 4,043 ตัน) โดยในปีงบประมาณ 2561 จับกุมได้ถึง 86 คดี คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 14.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 3,664 ตัน) และในปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 – พ.ค.62) สามารถจับกุมได้แล้ว 17 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 3 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 379 ตัน)