นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายได้อนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนโครงการเพาะเลี้ยงและผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพของบริษัท วินเซลล์ รีเซิร์ช จำกัด โดยมีกำลังการผลิตปีละ 1,500 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาด้านเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immune Cell Therapy) เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็ง และซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงการตรวจวิเคราะห์ยีนส์
สำหรับกิจการเทคโนโลยีชีวภาพเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการลงทุน เนื่องจากเป็นกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 2559-2561 กิจการเทคโนโลยีชีวภาพได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 18 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 16,445 ล้านบาท
ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเข้ารับการรักษาในระยะที่มีการลุกลามหรือการกระจายตัวของโรคแล้ว แพทย์จึงมุ่งเน้นไปที่การรักษาโดยการผ่าตัดหรือการฉายแสง และการให้ยาเคมีบำบัดสำหรับการรักษาโรคที่มีการกระจายออกไปในร่างกาย โดยแนวทางการรักษาของบริษัท วินเซลล์ รีเซิร์ช จำกัด คือ การนำเซลล์ภูมิคุ้มกันแบบผสมผสานที่ชื่อว่า WIN-K CELL เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกายมีความแข็งแรงและคืนความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันโรคในการกำจัดหรือยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งการรักษาในรูปแบบดังกล่าวสามารถทำร่วมกับการผ่าตัด การฉายรังสีและวิธีการอื่นๆ โดยไม่เกิดอาการข้างเคียง และลดการเกิดมะเร็งซ้ำมากกว่าวิธีการอื่น ๆ
ที่ผ่านมาบริษัทได้รับอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้ในการสร้างห้องวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และยังได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) อีกด้วย โดยแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาของบริษัท วินเซลล์ รีเซิร์ช จำกัด คือการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งและอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งรูปแบบจะเหมือนกับการผลิตยา แต่แยกหมวดออกไปเป็นยาทางด้านชีววัตถุ ปัจจุบันยาดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้สร้างศูนย์วิจัยในซอยสุขุมวิท 70 เริ่มเปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2562 เพื่อให้เป็นสถานที่รักษาระดับเซลล์แห่งแรกของภาคเอกชน โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาบุคลากรไทยให้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โครงการดังกล่าวได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ประเภทกิจการเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งเป็นประเภทกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูง เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้ฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งของประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งหน่วยงานด้านการวิจัยโดยร่วมกับนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อวิจัยและพัฒนาให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่ดีและค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีการพัฒนาธุรกิจต้นน้ำทางด้านนี้ ส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ