นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ว่า แม้จะมี ครม.ชุดใหม่ แต่สิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อยู่ที่เรื่องของนโยบาย ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันนโยบาย ความเชื่อมั่นก็จะเกิดขึ้น
นายสมคิด กล่าวถึงนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาว่า ในส่วนพรรคพลังประชารัฐดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลนี้รับฟังนโยบายของทุกพรรครวมถึงจากพรรคฝ่ายค้านด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้นำมารวบรวมประกอบในร่างนโยบายรัฐบาลด้วย
"ครม.ชุดใหม่มีนโยบายที่คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจที่หลายพรรคต้องการทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถของประเทศ และช่วยเหลือฐานรากให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละพรรคก็ได้ส่งนโยบายเข้ามาแล้ว"
ส่วนกรณีที่ ครม.ชุดใหม่มีรัฐมนตรีในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึง 4 คนนั้น นายสมคิด มองว่า กระทรวงเกษตรฯเป็นกระทรวงใหญ่ ต้องรับผิดชอบภารกิจที่เกี่ยวกับประชาชนทั้งประเทศ และส่วนตัวมองว่ามีความเหมาะสมที่จะมีรัฐมนตรีเข้ามาดูแลเรื่องที่สำคัญของประชาชน
นายสมคิด กล่าวว่า ในขณะนี้ยังมีปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ ซึ่งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในระหว่างการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล และเชื่อว่าหลังจาก ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฎิญาณเพื่อปฎิบัติหน้าที่ สถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้น หากจะให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกคงเป็นเรื่องยาก แต่ต้องพยายามประคับประคองผ่านไปให้ได้
ในส่วนของของไทยช่วงครึ่งปีหลังต้องเน้นการสร้างความเข้มแข็งในประเทศ และต้องเดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเชื่อว่า ทางกระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการเพื่อให้รัฐมนตรีคนใหม่มาสานงานต่อแล้วและจากการที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) อยู่ที่ 3.5% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีพอสมควร ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้