นักวิเคราะห์เชื่อชาเวสขู่ระงับส่งออกน้ำมันให้สหรัฐไม่กระทบราคาน้ำมัน

          บรรดานักวิเคราะห์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การที่ประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเวส ของเวเนซูเอลาออกมาขู่ว่า จะระงับการส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐนั้นอาจทำให้นักลงทุนต้องการส่งคำสั่งซื้อน้ำมันมากขึ้น พร้อมทั้งยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับเทรดเดอร์ในตลาดน้ำมันบางกลุ่ม แต่ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อปริมาณการผลิตหรือราคาน้ำมันในระยะยาว เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในเวเนซูเอลาก็จะไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
          คำขู่ของนายชาเวสครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้กรณีที่เอ็กซ์ซอน โมบิล คอร์ป บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พยายามยื่นฟ้องให้ศาลสหรัฐ และอังกฤษยึดสินทรัพย์ของบริษัทปิโตรเลียส เดอ เวเนซูเอล่า เอสเอ รัฐวิสาหกิจน้ำมันในประเทศเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทด้านสัญญาการผลิตน้ำมัน      
           สำนักข่าวเอพีรายงานโดยอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีชาเวซที่มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า "หากสหรัฐเจตนาจะทำร้ายเวเนซูเอลาด้วยการยึดทรัพย์สินของประเทศ เราก็จะตอกกลับด้วยการไม่ส่งออกน้ำมันให้กับสหรัฐเช่นกัน"
          คำขู่ของนายชาเวสในครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดความหวั่นวิตกต่อตลาดน้ำมันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าพุ่งขึ้นเกือบ 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นก็ได้รับปัจจัยจากสถานการณ์ความรุนแรงในไนจีเรียและสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐด้วยเช่นกัน
          นายปีเตอร์ บูเทล นักวิเคราะห์ด้านตลาดน้ำมันของแคมารูน ฮานโอเวอร์ในเมืองนิว คานาน รัฐคอนเนกติกัต กล่าวว่า หากนายชาเวสระงับการส่งออกน้ำมันให้กับสหรัฐตามที่ขู่ไว้จริง ตลาดก็จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก นอกจากนี้การผลิตน้ำมันที่หยุดชะงักในระยะสั้นๆก็จะลดลงเนื่องจากประเทศอื่นๆได้ทำข้อตกลงเพื่อนำเข้าน้ำมันดิบจากเวเนซูเอลา เช่นเดียวกับสหรัฐที่เพิ่มการสำรองน้ำมันเพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนพลังงานด้วยการจัดซื้อน้ำมันเพิ่มเติมจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และภูมิภาคอื่นๆ
          ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐล่าสุดระบุว่า สหรัฐยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเวเนซูเอล่า โดยมียอดสั่งซื้อน้ำมันกว่า 41 ล้านบาร์เรลในเดือนพ.ย. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10% ของการนำเข้าน้ำมันในประเทศทั้งหมด